วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ไดอารี่สีดำ33



เรากลับมาที่พักที่คอนโดวันนี้ด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยดี
ด้วยเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ทำให้เราเกิดความไม่สบายใจ
สิ่งแรกเลยคือเป็นห่วงวริญญา
เรานึกถึงความกังวลใจที่ วริญญาเธอพูดมาตลอดกับผู้ชายคนนี้
เราเพิ่งได้เจอกันเป็นครั้งแรก ก็เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ

เราคิดอยู่ในใจว่าถ้าปล่อยผู้ชายคนนี้อยู่ใกล้ริญ มากๆคงไม่ดีแน่
เรารู้สึกเป็นห่วงสวัสดิภาพของริญขึ้นมาทันที
เราคิดหาวิธีที่จะเข้าไปแทรกตรงนี้ให้ได้
เราจะไม่เปิดโอกาสให้คนอย่างนายเอกอมร
ได้มีโอกาสใกล้ชิดริญอย่างเด็ดขาด
ไม่ใช่เราไม่เชื่อใจวริญญา
แต่เราไม่เชื่อว่าคนอย่างนายเอกอมรจะยอมง่ายๆมากกว่า

เพราะเท่าที่ฟังจากเธอเล่ามา ภายในรั้วบ้านหลังใหญ่ แท้ที่จริงมีเพียงคนแก่ 
เด็กและผู้หญิงเท่านั้นเอง
 อาของริญก็กลับบ้านเย็นเช่นกัน
และนายเอกอมรก็รู้เวลาที่จะเข้ามาบ้านด้วยเช่นกัน

เมื่อเป็นเช่นนี้เราจึงตัดสินใจ โทรศัพท์จากที่คอนโด
ไปหาริญทันที
สอบถามริญถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ริญอธิบายว่าได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คุณย่าฟังแล้ว

เราจึงเสนอว่า ทุกเย็น เราจะไปอยู่กับริญที่บ้าน
โดยใช้น้องหญิง หลานสาวเธอเป็นข้ออ้างในครั้งนี้
เราอาสาว่าจะไปสอนการบ้านและสอนคอมพิวเตอร์ให้กับน้องหญิง
ซึ่งริญก็เห็นดีด้วย และรับปากว่าจะคุยเรื่องนี้ให้อาเธอรับรู้และอนุญาต


วันต่อมาริญโทรมาหาที่คอนโดบอกว่าให้เราไปสอนน้องหญิงได้ตั้งแต่เย็นนี้เป็นต้นไป

นี่เป็นโอกาสของเราที่จะได้เข้าไปดูแลริญด้วย

พอใกล้เวลานัดหลังจากเราจัดแจงงานต่างๆเสร็จสรรพ
เราก็บึ่งรถจากที่ทำงานตรงไปที่บ้านคุณย่าของริญโดยไม่รีรอ
เราขับรถมาถึงหน้าบ้าน มีพี่ขิงมารอเปิดประตูบ้านอยู่แล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่บ้านหลังนี้เปิดประตูให้เราก้าวเข้าไป
เราขับรถเข้าไปพอพ้นรั้วก็เห็นริญ ยืนยิ้มหวานรออยู่เช่นกันกับน้องหญิง
เมื่อเราลงจากรถ ริญก็แนะนำให้น้องหญิงรู้จักกับเราว่าคือคุณครูคนที่จะมาสอนน้องหญิง
เมื่อทักทายกันเสร็จ
ริญพาเราไปแนะนำตัวกับคุณย่าเธอ
เรายกมือไหว้คุณย่าริญด้วยความนอบน้อม

คนนี้ใช่ไหมที่มีเรื่องกับพ่อเอกอมรวันก่อน คุณย่าริญเอ่ยถามเปรยออกมา
 ใช่ครับคุณย่าเป็นผมเอง ผมชื่อทิวครับ

เราสังเกตท่าทีคุณย่าของริญก็เป็นเพียงคนแก่ 
ที่ขาดลูกหลานมาคอยดูแลเอาใจใส่ใกล้ชิดเท่านั้น
ดูหน้าตาท่าทาง ก็ไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นคนขาดเหตุผลแต่อย่างใด

เราจึงเป็นฝ่ายเริ่มสนทนา
คุณย่าครับผมจะมีปัญหามากเวลาไปสอนเด็กๆตามบ้าน
เด็กส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสนใจกับการเรียน
จะเดินหนีอยู่เรื่อย ผมจะดุก็ไม่ได้
เลยต้องใช้วิธีเล่านิทานให้ฟังก่อนเพื่อเป็นการชักจูงใจ โดยจะเล่าวันละตอน
ค้างเอาไว้ให้เด็กอยากรู้ ตอนต่อไป 
เมื่อพวกเด็กๆอยากรู้อยากฟังต่อก็จะมีการเรียนการสอนเกิดขึ้นได้
กว่าจะเอาอยู่ก็นานเลยครับ
คุณย่าของริญก็นั่งฟังปกติไม่แสดงอาการอย่างไร

เราก็พูดต่อไปอีกว่า
ปัญหาของผมจึงเกิดขึ้น คือไม่มีนิทานที่จะเล่าให้เด็กๆฟัง
ผมจำนิทานเก่าๆเรื่องหนึ่งที่ยายผมเคยเล่าให้ฟัง แต่ผมจำไม่ได้ว่ามันชื่อเรื่องอะไร
ผมอยากนำไปเล่าให้เด็กฟัง
ผมจำได้เพียงบางตอนว่า จะมีหมูกับหมา ที่ชาวนาให้ช่วยทำนา
อะไรซักอย่างนี่ครับ
และผมจำได้ตอนจบว่าชาวนาให้หมากินข้าวให้หมูกินรำ
ส่วนเนื้อหาส่วนอื่นผมจำไม่ได้
คุณย่าริญก็ยังนั่งเงียบ

เราคิดว่าเราได้พูดในส่วนที่เราอยากพูดแล้ว เดี๋ยวก็เกิดผลตามมาไม่นานแน่
จึงขอตัวออกมาเพื่อไปสอนน้องหญิง
เราเดินออกมานั่งที่สวนในบ้านที่เป็นโต๊ะ มีที่นั่งเล่น
และก็พูดคุยเพื่อทำความเข้าใจและคุ้นเคยกับเด็กก่อนเหมือนเช่นเคยที่เราเคยทำมา

แต่เราสังเกตว่า วันนี้วริญญาจะนั่งจ้องมองเราเป็นพิเศษ
มองตั้งแต่เราลงจากรถ มองตั้งแต่หัวจรดเท้า จนเวลานี้เธอยังจ้องมองเราอยู่

เราจึงถามริญด้วยความสงสัย
ริญมีอะไรหรือเปล่าจ้ะ
ริญสะดุ้งนิดหน่อยแล้วก็ยิ้ม
ริญไม่เคยเห็นทิวสวมใส่ชุดสูทอย่างนี้เลยตั้งแต่คบกันมา
มันแปลกตาริญดีน่ะทิว
ทิวดูเป็นคนละคนเลย
ทิวดูสง่า โดดเด่น มันลับกับบุคลิกของทิวเป็นอย่างมาก เธออธิบายความในใจให้เราฟัง

แสดงว่าที่ผ่านมา ทิวดูแย่หรือไงจ้ะริญ เราถามย้อนกลับ
ไม่นะจ้ะทิว ทิวเป็นคนบุคลิกดีโดดเด่นอยู่แล้ว
เพียงแต่เหมือนมันมีอะไรมาปกปิดเอาไว้อยู่
เมื่อริญเห็นทิวแต่งตัวแบบนี้ ถึงได้รู้ว่า มันใช่เลยนี่แหล่ะคือทิว

งั้นทิวจะแต่งตัวอย่างนี้มาทุกวัน เราแสร้งพูด
แต่ริญยังชอบที่ทิวแต่งตัวสบายๆที่ทิวเคยเป็นมากกว่านะทิว มันดูเป็นกันเองดี
ง่ายๆอยากนั่งอยากนอนไหนก็ได้ 
ริญก็ด้วย ริญชอบแต่งตัวง่ายๆตามโอกาส ตามกาลเทศะมากกว่า
ถ้างั้นริญก็เข้าใจถูกแล้วจ้ะ
นี่เป็นชุดที่ทิว ใส่ทำงานทุกวัน
พอทิวเลิกงานก็บึ่งรถมานี่เลยยังไม่ได้กลับบ้าน

จากนั้นเราก็พยายามปูพื้นฐานการเรียนให้น้องหญิง
โดยมีริญนั่งจ้องดูเราด้วยความตั้งใจอยู่ข้างๆอย่างไม่ละสายตา
พอเราสอนไปสักพักเธอก็ลุกไปยกน้ำออกมาให้ดื่ม
และคอยนั่งอยู่ข้างๆให้กำลังใจต่อไป
เมื่อสมควรแก่เวลาเราจึงขอตัวกลับ
และก่อนจะกลับจึงเดินเข้าไปกราบลาคุณย่าของริญ
พอเราจะหันหลังกลับ

คุณย่าของริญก็พูดขึ้นว่า
นิทานเรื่องนี้ฉันจำได้ถ้าเธอไม่รีบก็นั่งลงก่อนแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง
เพื่อที่เธอจะนำไปเล่าให้พวกเด็กๆฟัง
เรากับริญ หันไปสบตามองหน้ากัน ก่อนที่จะนั่งลงทั้งคู่

แล้วคุณย่าของริญก็ได้เล่านิทานเรื่องดังกล่าว ซึ่งเราก็รู้เรื่องราวดีอยู่แล้ว 
อย่างไม่ขาดตกแม้ตอนเดียว
แถมยังเล่าอย่างออกรสออกชาติ
และเล่าให้เราฟังอีกหลายเรื่อง เรานั่งฟังอยู่จนเกือบสองทุ่ม
กว่าคุณย่าริญจะหยุดเล่า
แถมยังพูดคุยเป็นกันเองกับเรา มีรอยยิ้มมีเสียงหัวเราะเป็นตอนๆ

เมื่อเรากำลังจะกลับ ริญก็พูดขึ้นว่า
ทิวจ้ะ ทิวทำได้ไง
เรื่องอะไรจ้ะริญ เราแกล้งถาม
ก็เรื่องคุณย่าสิจ้ะ
ตั้งแต่ริญมาอยู่ที่นี่  ริญไม่เคยเห็นคุณย่าคุยกับใครนานๆอย่างนี้เลย
แต่คุยกับทิวอยู่ตั้งนาน แถมคุณย่าดูจะมีความสุขมากด้วย 
ริญถามด้วยความสงสัย

คำตอบก็อยู่ที่บ้านหลังนี้แหล่ะริญ
ริญลองมองดูสิจ้ะ
เวลานี้มีใครอยู่ที่บ้านบ้าง
มีริญ มีน้องหญิง มีพี่ขิง เท่านั้น
และก่อนหน้าที่ริญกับน้องหญิงจะเลิกเรียน
มีใครจ้ะ ก็จะมีแค่พี่ขิงคนเดียว

อาริญก็กลับเสียมืด กลับมาแล้วก็แทบจะไม่ได้พบกันด้วยซ้ำมั้งทิวว่า

ริญลองคิดดู
คนแก่ถูกทิ้งไว้อย่างนี้ กี่วันกี่ปีมาแล้วก็ไม่รู้
ไม่มีลูกหลานมาพูดคุยนั่งเล่นหยอกล้อ
ก็เหงาเป็นธรรมดา

คนแก่นะริญ เขาจะคิดเสมอว่า
พวกเขาอาบน้ำร้อนมาก่อนเรา เห็นโลกมาก่อนเรา
จึงไม่ชอบให้ใครมาเหยียดหยามพวกเขา
มองข้ามความสำคัญของพวกเขา

ทั้งหมดก็มีเท่านี้จ้ะริญ
ทิวจึงเข้าไปปลุกจิตใจคุณย่าให้ฟื้นมา โดยถามนิทานเก่าๆเพื่อให้คุณย่าได้เล่า
ได้คิดว่าตัวเองมีความสำคัญ
เราเป็นเด็กก้มหัวเข้าหาผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่เป็นบุพการีเรา
ก็ไม่เห็นมันจะเสียหายตรงไหนจ้ะริญ

ทิวเพิ่งมาบ้านนี้เป็นวันแรก ก็รู้จักคุณย่ามากกว่าริญเสียอีก ทิวเก่งๆจริง
ที่สามารถเอาชนะใจคุณย่าได้
รวมทั้งหัวใจหลานสาวของคุณย่าด้วยจ้ะริญ เราล้อเล่นกับริญ
จ้า..ริญยอมรับ
แล้วเธอก็เดินออกมาส่งที่รถ

ริญจ้ะ ขึ้นมานั่งบนรถคันแรกที่ทิวมีเพื่อเป็นเกียรติสักครั้งได้ไหม
เธอยิ้มก่อนจะเปิดประตูขึ้นมานั่งข้างคนขับด้านหน้า

เป็นไงจ้ะทิวริญอยู่นี่แล้ว
ดีจ้ะริญ รถคันนี้ได้รับใช้เจ้าของครบแล้ว
ยังมีบ้านอีก ที่เจ้าของตัวจริงยังไม่เข้าไปอยู่
เมื่อไหร่จะไปจ้ะคนดี เราเอ่ยถามเธอใกล้ๆ
ไว้วันหยุดจ้ะทิว ถ้าทิวยังคงเข้าหน้าคุณย่าได้อย่างนี้
ริญก็หมดห่วงแล้ว ที่เหลือก็คงไม่ยากหรอกจ้า
พรุ่งนี้เจอกันจ้ะทิว

ขับรถดีๆนะริญพูดเบาพร้อมกับจับมือเรามาบีบแน่น
ก่อนที่เธอจะลงจากรถและเดินมาเปิดประตูบ้าน






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น