วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ไดอารี่สีดำ23


เมื่อเราพูดมาถึงตรงนี้
ไต๋ก๋งซึ่งนอนเอนหลังฟังอยู่ ก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมพูดว่า
หยุดก่อนโว้ยไอ้ทิว ไต๋ ออกคำสั่งกับเรา
เมื่อเราหยุด
ไต๋ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัดท่ามกลางเสียงคลื่นเสียงลมที่ซัดกระทบเรือ

ฉันเห็นได้กับไอ้ทิว ไต๋พูดขึ้นมา
ในเรื่องที่ว่า เราทุกคนควรมีเงินเดือนของเราเอง
ไม่ใช่ไปหวังน้ำบ่อหน้าอย่างไอ้ทิวมันว่า

ฉันจะนำเรื่องนี้ไปคุยกับเจ้าของเรือให้เขาตั้งเงินเดือนให้พวกเรา
ให้มันสมน้ำสมเนื้อกับงานและหน้าที่ของเรา 
และจะเสนอขอให้เขายกเลิกเงินปันผลส่วนแบ่งทุกหกเดือนนั้นเสีย

เพื่อมาจ่ายเป็นเงินเดือนให้พวกเราแทน
ฉันมันโง่มาตั้งนาน ต้องขอบใจไอ้ทิวมันที่ทำให้ฉันคิดขึ้นมาได้
ต่อไปคนที่มาทำงานที่นี่ก็จะได้ไม่ต้องบังคับมาอีก
แต่ให้เขาสมัครใจมาเองโดยมีผลตอบแทนที่พวกเขารับได้
และฉันจะขอให้เขาซื้อวิทยุหรือโทรทัศน์มาติดไว้ประจำที่เรือเพื่อเป็นสิ่งคลายเครียดให้พวกเรา
และฉันขอประกาศอีกว่า
ต่อไปที่เรือลำนี้ทุกคนมีอิสระ
จะไม่มีการบังคับขืนใจขู่เข็ญกันอีกต่อไป
พอไต๋พูดถึงตรงนี้
ทุกคนปรบมือโห่ร้องด้วยความดีใจ

และเองไอ้ทิว
ที่นี่มันไม่เหมาะกับเองจริงๆ
เมื่อกลับเข้าฝั่ง
เองเป็นอิสระ และให้เองกลับไปตามหาฝันแกได้เลย
รวมถึงทุกคน 
เรายกมือไหว้ด้วยความดีใจ
และไอ้ทิวมันโตเกินวัยมันจริงๆไต๋กล่าวชมเรา
ไม่น่าเชื่อว่าท่าทางเงียบขรึมมัน
พอมันมาอยู่กับเรา มันกับมาสร้างความเปลี่ยนแปลงกับเรือของเรา
จากเดิมที่ทุกคนต่างคนต่างอยู่
ถึงเวลากินก็กิน ถึงเวลาทำงานก็ทำงาน
แล้วก็นอน เครียด ไม่มีงานก็ล้อมวงอัพยากัน
ชีวิตบนเรือมันเคร่งเครียดมาตลอดเวลา
ทุกคนไม่โอพาปราศรัยกัน
จนไอ้ทิวมันขึ้นมา
มันเดินไปคุยกับคนนั้นคนนี้จนทำให้พวกเราไม่เครียด
เราผ่อนคลาย เรามานั่งคุยกัน

เปิดฝาห้องเก็บปลา ไต๋ออกคำสั่ง
พี่คนหนึ่งลุกขึ้นไปเปิดทันที
เลือกปลาตัวที่ใหญ่ที่สุดอร่อยที่สุดออกมา
วันนี้เราจะกินเลี้ยงกลางทะเลกัน
ไต๋พูดจบทุกคนต่างรีบลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้น
ส่วนเองไอ้ทิวทำหน้าที่ของเองต่อไป
ว่าแล้วไต๋ก็เอนหลังลงนอนรอฟังเราพูดต่อด้วยความตั้งใจ

เราก็พูดถึงอนาคตวันข้างหน้า
ความตั้งใจว่าจะดำเนินชีวิตไปในแนวทางใด
เมื่อพูดถึงเรื่องความฝัน
เรื่องของอนาคต
เราก็จะพูดย้ำตลอดว่า
เราไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปดังฝันเราหรือไม่
แต่อย่างน้อยเราก็ได้ทำตามฝันอย่างดีที่สุดแล้ว
แม้มันจะไม่สมหวังแต่เราก็ได้พิสูจน์ตัวเองก่อนที่จะยอมแพ้โดยที่ยังไม่ทำอะไรเลย
ซึ่งทำให้เราและทุกคนเกิดกำลังใจในอนาคตวันข้างหน้า

ขณะที่เรานั่งพูดทำหน้าที่ของเราไป
กลิ่นอาหารก็หอมโชยมาจากในครัว
พร้อมกับถูกจัดใส่หม้อจานยกลำเลียงออกมาจากครัวและวางตามพื้นเรือ
ตรงที่พวกเรานั่งล้อมวงกันอยู่
ไต๋สั่งให้เราหยุดและให้ทุกคนกินข้าวปลากัน
พวกเราทั้ง 32 คนนั่งล้อมวงเป็นแถวยาวตามแนวพื้นเรือด้านข้างซ้าย
และมันเป็นภาพที่เราเพิ่งเห็นมันเกิดขึ้นตั้งแต่เราลงเรือมา
เราดีใจและมีความสุขที่จะได้เป็นอิสระ
รวมถึงทุกคนมีความกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันตาเห็นเมื่อไต๋บอกว่า
จะกลับไปเจรจากับเจ้าของเรือเรื่องเงินเดือน
ดูเหมือนว่าทุกคนจะเร่งวันเร่งคืนเพื่อให้ถึงวันจะได้เข้าฝั่ง
แต่เราจะเข้าฝั่งได้ปลาต้องเต็มลำเรือ

ขณะนั่งรับประทานอาหารกันอยู่
ไต๋ก็พูดขึ้นอีกว่า
เที่ยวนี้เราโชคไม่ดี
ที่ปลาไม่ชุม ปลากระจัดกระจาย
จับได้ทีละน้อย
ทำให้เราเสียเวลาวางอวนหลายครั้ง
แทนที่จะเร่งจับได้ทีละมากๆไม่กี่ครั้งก็เต็ม

ฉันตัดสินใจแล้วว่าเราจะแอบเข้าไปจับปลาในน่านน้ำของเพื่อนบ้าน
ขอให้ทุกคนเตรียมตัว และทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว
ที่นั่นปลาเยอะแน่
แต่เราต้องรีบ
เพราะถ้าถูกจับได้ เรื่องมันก็ยาวเหมือนกัน ทุกคนว่าไง ไต๋ร้องถาม
เอาไงก็เอาครับแล้วแต่ไต๋ สั่งมาเลย
พวกเราพร้อมลุยเต็มที่เสียงโต้ตอบกลับมา
เมื่อตกลงกันแล้ว
พวกเราช่วยกันเก็บสำรับจนเรียบร้อย
แล้วไต๋ก็สั่งให้พี่คนขับเรือ เบือนหัวเรือมุ่งเข้าสู่น่านน้ำต่างชาติทันที



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น