วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ไดอารี่สีดำ17


เริ่มต้นวันแรกของชีวิตใน กรุงเทพ ก็ได้เจอกับความไม่ประทับใจเข้าเสียแล้ว
เลยทำให้เรามีความรู้สึกแย่ตั้งแต่เช้าของวันแรกในกรุงเทพ
เรานั่งคิดอยู่ว่าจะไปต่อยังไงดี
 เริ่มมีความไม่ไว้วางใจผู้คนในเมืองหลวงแห่งนี้เสียแล้ว
เรานั่งคิดอยู่นานก่อนจะตัดสินใจ สะพายกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเตร่มันไปเรื่อย
เจอร้านรวงที่ไหนก็ยกมือไหว้สอบถาม ของานเขาทำไปทั่ว
เดินท่องอยู่ทั้งวัน โดยที่ไม่รู้ว่าขณะนี้ตัวเองอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพ
จนเวลาเริ่มค่ำลง

เราเดินไปขอใช้ห้องน้ำห้องส้วมในปั๊มน้ำมัน
ก่อนจะเดินกลับออกมา
โดยที่ในใจก็คิดว่าค่ำคืนนี้เราจะหาที่หลบพักหลับนอนตรงไหนอย่างไรดี
เดินห่างจากปั๊มมาไม่ไกลนัก ก็เห็นซากรถที่เกิดจากอุบัติเหตุ 
ที่เขานำมาจอดกองรวมกันไว้อยู่หลายสิบคัน
บางคันเป็นรถเก๋ง บางคันเป็นรถกระบะ
บางคันต่อเป็นสองแถว มีเบาะมีที่นั่ง  จอดอยู่ เรียงราย
เราหยุดมองดูตรงที่รถสองแถว
ในใจก็คิดว่า มีเบาะยาวด้วย มีฝุ่นนิดหน่อย
ถ้าเช็ดปัดซักหน่อยก็คงจะพออาศัยหลับนอนพอข้ามคืนไปได้
ว่าแล้วเราก็ตัดสินใจก้าวขาขึ้นไป หาเศษผ้ามาเช็ดทำความสะอาดเบาะ
ปากเราก็พูดไปว่า คืนนี้ขออาศัยนอนตรงนี้ซักคืนนะ

เช็ดเสร็จ เราก็นำกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นมาวางไว้
ทำเป็นหมอนหนุนหัวเอนหลัง พร้อมกับหยิบสมุดพกนำมาจดบันทึกเรื่องราวต่างๆไว้
ตามปกตินิสัยที่เคยทำมา
ดูนาฬิกาตอนนี้เวลาก็เริ่มเข้าสี่ทุ่มแล้ว
รู้สึกปวดเมื่อยแข้งขาไปหมด นอนไม่หลับ
นอนมือก่ายหน้าผากมองเห็นแสงไฟนวลๆอยู่ไกลๆออกไป
นานๆรถจะวิ่งผ่านมาซักคัน
ส่วนผู้คนไม่มีผู้ใดเดินผ่านมาทางนี้เลย
คงจะทำให้หลับได้สบายใจได้บ้าง
เราคิดไปเพลินๆก็ผล็อยหลับไปตั้งแต่ไหร่ไม่รู้ได้
มาตกใจตื่นขึ้นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงคนส่งเสียงร้องเอะอะวุ่นวายดังเข้ามาในหูชัดเจนขึ้น
เราตกใจ รีบลุกขึ้นนั่ง สังเกตดูซ้ายขวาหน้าหลังบริเวณรอบๆ
ก็ปกติดีไม่เห็นมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น 
เราก็ล้มตัวลงนอนต่อ

พอหลับไปได้อีกซักพักใหญ่ก็ได้ยินเสียงเหมือนเดิมดังเข้ามาในความรู้สึกอีก
และคราวนี้รู้สึกว่าเหมือนจะมีใครมาเขย่ารถที่เรากำลังนอนอยู่
เราได้สติลุกขึ้นมาอีกครั้ง ก็ไม่เห็นมีอะไรเหมือนเดิม
ก็เลยคิดว่าคงฝันไป
ดูนาฬิกาที่ข้อมือก็เข้าตีสองกว่าแล้ว
เราตัดสินใจเอนหลังลงนอนอีกครั้ง
ก็ตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงวุ่นวายของผู้คนอยู่เช่นเคย
เรานั่งคิดอยู่ครู่นึงก็ตัดสินใจ
ลงจากรถ เก็บข้าวของ
เดินกลับมาที่ปั๊มน้ำมันเดิมที่เรามาขอเข้าห้องน้ำเมื่อช่วงเย็นอีกครั้ง

ที่ในปั๊มก็เปิดไฟพอมองเห็นสลัวๆไม่กี่หลอด
มีพี่คนนึงที่เราจำหน้าได้แต่ตอนเย็น นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ส่วนอีกคน
นั่งฟุบอยู่กับโต๊ะ คงจะกำลังหลับได้ที่

เราเดินเข้าไปหาพี่คนนั้น
พี่ครับผมขออาศัยนอนที่ปั๊มซักคืนนะครับ เราเอ่ยปากขอ
พี่เขามองหน้าได้สิๆดีเลยจะได้อยู่เป็นเพื่อนกัน 
พี่เขาอนุญาตพร้อมกับบอกว่าเดี๋ยวพี่จะไปหยิบเสื่อมาให้ปูนอน
ว่าแล้วพี่เขาก็เดินไปหลังปั๊มและเดินกลับออกมา ในมือถือเสื่อมาผืนหนึ่ง
 เอาน้อง นี่เลย ปูนอนใกล้นี่แหล่ะ ช่วงดึกอย่างนี้ไม่ค่อยมีรถหรอก
แต่ตอนเช้าน้องต้องรีบตื่นหน่อยนะ พี่เขากำชับ
ครับพี่เรารับปากพร้อมกับปูเสื่อ ล้มตัวลงนอน

มาจากไหนล่ะ พี่เขาถามต่อ
ผมมาจากขอนแก่นครับ
เอ้อ..ดีดี คนบ้านนอกเหมือนกัน
มาหางานทำเหรอ พี่เขาถามต่อ
ก็ไม่เชิงหรอกครับ
ผมมาตามหาแหนที่มาเรียนอยู่ในกรุงเทพ
กะว่าจะมาหางานทำงานไปด้วยพอได้อยู่ใกล้ๆกันครับ เราตอบพี่เขาไป
แล้วมาไงนี่ พี่เขาชวนคุยต่อ
ผมนั่งรถไฟมาจากขอนแก่น มาลงหัวลำโพง กะว่าจะไปต่อที่ซอยหลังสวน
เรียกรถแท็กซี่ แต่แท็กซี่กลับพาผมมาปล่อยไว้ที่สวนจตุจักร เสียเงินฟรีตั้ง 50บาท
ผมเลยตัดสินใจเดินเตร่มาเรื่อยของานเขาทำมาทั้งวัน
จนมาถึงปั๊มพี่เมื่อตอนเย็นครับ เราอธิบาย

เออ..ไม่น่าทำกันเนาะ คนจนด้วยกันแท้ๆ
แล้วเมื่อกี้ไปไหนมาล่ะ พี่ถามต่อ
ผมออกจากปั๊มพี่แล้วก็เดินไปที่ตรงที่ซากรถที่จอดอยู่ และก็ไปนอนบนรถสองแถว
แต่พอผมหลับก็มีแต่เสียงคนร้อง เอะอะโวยวาย เจี๊ยวจ๊าวเหมือนเกิดเรื่อง
จนผมผุดลุกผุดนั่งอยู่ตั้งสามครั้งจนเดินกลับมาหาพี่นี่ครับ

พี่คนนั้นหัวเราะ
เรานี่มันก็บ้าเหมือนกันเนาะ
คิดยังไงไปนอนบนรถที่เกิดอุบัติเหตุมีคนตาย
คนแถวนี้ พอค่ำมายังไม่มีใครกล้าเดินผ่านตรงนี้ด้วยซ้ำ พี่เขาบอกเล่า
ทำไมล่ะพี่ เราถามด้วยความสงสัย

ก็ผีสิ 
เขากลัวผี
เคยมีคนเห็นคนเดินเข้าออกและหายไปในสุสานรถนั้นตลอด 
แถมยังเคยได้ยินเสียงสตาร์ทเครื่องรถด้วยดึกๆดังลั่นเลย พี่คนดังกล่าวบอกกับเรา
เอ้าเหรอครับ ..ผมไม่ได้คิดอะไร
แค่ต้องการหาที่หลบพักล้มตัวนอนเท่านั้นพอให้ข้ามคืนไปได้ก็พอ
เราอธิบายให้พี่ฟัง
โดนเข้าแล้วไอ้น้องเอ๊ย พี่ชายคนนี้พูดพร้อมหัวเราะเบาๆ

เออพี่ครับผมขอถามพี่หน่อยพี่รู้จักซอยหลังสวนไหมครับ เราถามพี่เขา
ไม่รู้หรอก พี่มากรุงเทพก็มาอยู่ที่นี่เลยไม่เคยไปไหนไกลเหมือนกัน
รู้ก็แต่เฉพาะแถวนี้เท่านั้นแหละ พี่ตอบ

งั้นแล้วตอนนี้พี่ช่วยบอกผมหน่อยว่าผมอยู่ตรงไหนของกรุงเทพครับ
 เราถามด้วยความอยากรู้
ตรงนี้เขาเรียกว่าสามเสน พี่ตอบ
แล้วสามเสนมันคือกรุงเทพหรือเปล่าครับ เราถามต่อด้วยความอยากรู้
สามเสนก็คือกรุงเทพนั้นแหละ แต่มันอยู่รอบนอกของกรุงเทพ 
ตรงโน้นคือสถานีตำรวจ ใกล้กันกับสุสานรถนั่นแหละ

ถ้าผมจะเข้าในเมืองผมจะเดินไปทางไหนครับ เราขอให้พี่เขาชี้ทาง
ก็เดินย้อนกลับ ที่น้องเดินมานั้นแหละ 
โน้นแหละเดินไปทางโน้นตรงมันไปเรื่อยๆทางโน้นแหละคือในเมือง
ไปตรงโน้นก็ถามคนไปเรื่อยๆทางอยู่กับปากเรานะน้องนะ

เอ้านอนเถอะ พี่ชวนคุยมากพอแล้ว เช้าค่อยว่ากัน พีพูดตัดบทเพื่อให้เราได้นอน




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น