วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

ไดอารี่สีดำ13


หลังจากขบวนรถไฟเคลื่อนออกจากสถานีจนลับหายไป
เราก็มานั่งทอดอาลัยที่หน้าสถานีต่ออีกตั้งนาน
ก่อนจะลุกขึ้นเดินอย่างหมดอาลัยตายอยาก
กลับยังที่พักซุกหัวนอน
เราปูเสื่อและคว่ำหน้าทิ้งตัวลงนอน
เพื่อจะผ่านพ้นคืนวันที่โหดร้ายนี้ไปให้ได้
แต่ยิ่งข่มตา จิตใจมันก็ยิ่งคิด
สมองมันคิดสับสนวุ่นวาย
วกเวียนไปมา
จนสว่างคาตา
เราจึงลุกเตรียมตัวเข้าทำงานตามปกติ
ทำไมบรรยากาศของเช้าวันนี้มันชั่งหมองเศร้าซะเหลือเกิน
ไม่ว่าจะมองไปทางไหน มันไม่มีความโสภาน่าชื่นชมเอาเสียเลย
จะพูดจะจา สนทนาพาทีกับใคร ก็ขาดรสชาติ
ชีวิตของเราในวันนี้มันไม่ต่างอะไรกับผีตายซาก
มันดำเนินไปเช่นนี้จนถึงเย็น
ได้เวลาเลิกงาน
เราก็ปิดร้านตามปกติ
แต่วันนี้ไม่ได้เดินกลับโกดังเก็บของซึ่งเป็นที่พัก
เพื่ออาบน้ำอาบท่าเหมือนทุกวัน
แต่พอปิดร้านเสร็จ
เราก็เดินตรงออกไปที่สถานีรถไฟ
ไปยืนดูร่องรอยเหตุการณ์ต่างๆที่มันเพิ่งจะเกิดขึ้นและผ่านไปเมื่อคืนนี้
จากนั้นก็เรียกสามล้อตรงไปมอดินแดง
มุ่งหน้าไปยังใต้ต้นสนคู่นั้น ณ ริมบึงสีฐาน
ตามคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับริญ
ทุกครั้งที่เราเดินมาที่นี่
ภาพเก่าๆที่เราจะได้เห็นก็คือ
ริญจะมานั่งอ่านหนังสือรอเราอยู่ที่นี่ก่อนหน้าแล้วทุกครั้ง
แต่วันนี้เมื่อเราเดินเข้ามา
มองไปใต้ต้นสน
ก็เห็นภาพหญิงสาวนั่งอยู่ใต้เงาสนก่อนหน้าแล้วเช่นกัน
ริญ..เราอุทานออกมา พร้อมกับรีบวิ่งไป
ริญ. เราร้องเรียกหญิงสาวหันมามอง ด้วยความสงสัย
มีอะไรหรือเปล่าคะ เธอถาม
ขอโทษครับ ผมคิดว่าเป็นริญ
ไม่เป็นไรค่ะ
นั่งก่อนสิคะ หญิงสาวเอ่ยปากเชิญ

เรานั่งลง
คุณมาที่นี่บ่อยหรือคะ หญิงสาวถาม
ครับมาบ่อย มาทุกเย็นเลย และก็มานั่งตรงนี้ประจำด้วย เราตอบเธอ
อุ๊ย..!! หรือคะ ต้องขอโทษด้วยค่ะ
นี่แพรวคงเผลอไปนั่งทับที่ใครบางคนเข้าแล้วสิคะนี่ เธอพูด พร้อมกับขยับตัวจะลุกขึ้น
ไม่เป็นไรครับ คุณนั่งไปเถอะ เดี๋ยวผมก็กลับแล้ว
อ้าว..ทำไมรีบกลับล่ะคะ เพิ่งจะมาไม่ใช่เหรอ
นั่งคุยเป็นเพื่อนแพรวก่อนก็ได้
หรือว่ารังเกียจแพรวคะ เธอตัดพ้อ
ไม่ใช่หรอกครับ
พอดีผมนึกขึ้นได้ว่ายังมีงานค้างอยู่ต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ เราบอกกับเธอ
 แพรวมาเรียนอยู่ใ ม.นี้ค่ะเพิ่งจะปี 1
เป็นน้องใหม่ของที่นี่ เลยยังไม่คุ้นชินสถานที่
เธอพยายามจะชวนเราคุย

อ๋อเหรอครับ ผมชื่อทิว ทำงานเป็นเด็กเฝ้าหน้าร้านส่งของอยู่ละแวกนี้ล่ะครับ เราแนะนำตัวกับเธอ
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณทิว
ถ้าไม่รังเกียจและมีโอกาสก็พาแพรวเที่ยวแถวนี้บ้างนะคะ เธอพยายามยื่นข้อเสนอ

ขอบคุณครับแต่ผมคงไม่สะดวกหรอกครับ
ผมต้องขอตัวกลับก่อนครับคุณแพรว ขอโทษด้วยครับ ว่าแล้วเราก็เดินจากมา
เราเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยไม่มีเป้าหมาย
เจอที่นั่งก็นั่ง
หายเหนื่อยแล้วก็เดินต่อ
จนกลับมาถึงที่พัก
ก็ล้มตัวลงนอน โดยที่น้ำท่าไม่ได้อาบ
เรานั่งคิดนั่งรำพันอยู่คนเดียว
ชีวิตเราออกจากบ้านมา หัวเดียวกระเทียมลีบมาโดยตลอด
จากสารคามมา
มาอาศัยอยู่กับน้าที่ขอนแก่นมาโตที่นี่ คุ้นชินอยู่ที่นี่ ยิ่งกว่าบ้านเกิดเสียอีก
มาทำงานอยู่ที่นี่จนได้พบกับริญ
และเราก็รักกัน
อนาคตของริญ เธอก้าวไปข้างหน้าทุกวินาที
แต่เราสิ หยุดอยู่กับที่
ขณะที่ริญเดินหน้า
เรากลับหยุดอยู่กับที่ซึ่งก็คือถอยหลัง
ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป
นับวันเรากับริญยิ่งนับวันจะไกลห่าง
เราไม่ยอมแน่
เราไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้น
เราจะไม่ให้มันเกิดขึ้น
แม้พ่อของริญจะให้เราตัดใจจากริญ
แต่สัญญาใจที่เราให้กับริญ
ความรักที่เราทั้งสองมีให้กัน
มันยิ่งใหญ่เกินกว่าสิ่งใด
เราต้องคิดหาทางทำอะไรซักอย่าง
เพื่อที่จะขยับตัวออกจากจุดนี้
แล้วก้าวไปข้างหน้า
ค่อยเดินตามหลังริญไปห่างๆ
อย่างน้อยก็ให้มันอยู่ในระยะสายตา
ที่เราจะยังพอมองเห็นเธอ
และยืนตระโกนคุยกับเธอได้
ไม่ใช่ปล่อยช่องว่างให้มันห่างออกไปอย่างนี้โดยที่เราไม่คิดทำอะไรเลย
ไม่เช่นนั้น รักของเรากับริญคงต้องหลุดลอยไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ป่านนี้เธอจะทำอะไรน๊า..ริญ
เวลานี้เธอกำลังอยู่กับใครกันนะ
เธอจะคิดถึงทิวบ้างมั๊ย
สำหรับทิวคิดถึงริญจนใจจะขาดอยู่แล้ว





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น