หลังจากเธอคนนี่กลับเข้าไปในบ้าน
เราก็เห็นหญิงสาวใส่ชุดนักศึกษาวิ่งออกมากับผู้หญิงคนเดิม
มองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาใคร
เราซึ่งซุ่มอยู่ฝั่งตรงข้ามหน้าบ้านนั้นก็เห็นเหตุการณ์อยู่ตลอด
ริญ
เธอคือริญ เราอยากจะวิ่งออกไปหาเธอและร้องตระโกนให้ดังๆให้เธอได้ยินว่าเราอยู่นี่
ในความรู้สึกของเราเวลานี้อยากโผเข้าไปกอดเธอให้หายคิดถึง
อยากบอกเล่าเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราให้เธอฟังด้วยตัวของเราเอง
แต่ก็ได้แต่ข่มใจไว้
เก็บความรู้สึกภายในเอาไว้
แต่น้ำตาเจ้ากรรมมันก็ชั่งไม่เป็นใจ
มันไหลเคลียแก้มด้วยความยินดีและดีใจมากมายที่ได้พบเจอหน้าหวานของเธออีกครั้ง
เราจับจ้องมองดูเธอไม่ยอมละสายตา
เห็น
วริญญาเดินไปมาอยู่หลายเที่ยวกระวนกระวายชัดเจน
และเธอได้พูดคุยกับหญิงสาวคนที่ออกมาด้วยอยู่ไม่ขาด
นับแต่เราจากันที่ขอนแก่นที่สถานีรถไฟวันนั้นจนกระทั่งเราถูกรรมซัดพาไปอยู่ทะเลกว้าง
จนถึงวันนี้ก็สองเดือนเศษแล้ว
เธอยังสวยอ่อนหวาน
งดงามอยู่เหมือนเดิม
เพียงแต่ผมของเธอเวลานี้ไว้ผมยาวต่างจากเดิม
ยิ่งมองยิ่งลับกับใบหน้าที่อ่อนหวานของเธอ
เธอเดินไปมาจนแน่ใจ
เธอจึงกลับเข้าไปในบ้านและมีรถเก๋งขับออกมารับเธอออกจากบ้านไป
นี่เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสามเดือนที่เราจากกัน
และได้กับมาพบเจอหน้าเธออีกครั้งด้วยความดีใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
แต่สำหรับริญแล้ว
วันนี้คงเป็นวันที่เธอทรมานใจ
และกระวนกระวายเป็นที่สุด
ที่รู้ว่าเรามา
แต่เธอกลับไม่ได้เห็นหน้าพบปะพูดจากันตามประสาคนที่รักกันมาและจากกันนานหลายเดือน
ทิวต้องขอโทษนะริญ
ทิวยังไม่พร้อม
ทิวรู้ว่าภายในหัวใจของริญเจ็บปวดอย่างไร
และทิวก็มั่นใจว่าชาตินี้เรารักกันมากเกินกว่าสิ่งใดจะมากั้นขวางได้และคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว
เช่นเดียวกับทิว
คำสัญญา ความผูกพัน
รอยรักในอดีต
ภาพรักในใจ มันยังคงหวานตรึงติดแน่นอยู่ในใจของเราทั้งสองคน มิมีแปรเปลี่ยนไปได้
แล้วทิวจะกลับมาริญ
ไม่นาน ไม่นานแน่ริญ ทิวจะกลับมา
หลังจากที่เธอออกจากบ้านไปได้ซักครู่ใหญ่เราก้ออกมาจากที่ซุ่ม
เดินหน้าตรงไปตามแนวซอยหลังสวนจนสุดทาง
เจอห้างสรรพสินค้าใหญ่ห้างหนึ่งตั้งเด่นอยู่ฝั่งตรงข้าม
เราเดินตรงออกไปที่ถนนใหญ่
ดูจากป้ายเขียนว่าถนนเพลินจิต
เราเลี้ยวขวามุมถนนเดินตรงไปเรื่อยๆไม่มีเป้าหมาย
เดินข้ามทางรถไฟเข้าถนนสุขุมวิท
และเดินตรงต่อไปเรื่อยจนมาถึงทางแยก
เราวิ่งข้ามถนนมาอีกฝั่ง
เป็นถนนอโศก
ข้างถนนมีป่าร้างเล็กๆอยู่ข้างทาง
ผู้คนก็ไม่ค่อยมาก
เราจึงเดินเข้าไปตรงป่าละเมาะนั้น
เอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่ข้างทางนั่งชันเข่า
หยิบก้อนหิน
ปาโน้นปานี่ไปเรื่อย
ภายในหัวใจมันร้อนรุ่มเหมือนมีไฟเผากองใหญ่อยู่ในหัวใจ
มันเจ็บปวดทรมานยิ่งนักเกินกว่าที่จะอธิบายออกมาได้
ส่วนอีกความคิด
ก็ยังโลดแล่นและตั้งใจอย่างมั่นคงว่าต้องหางานทำให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก
เราคิดและนั่งอยู่ที่นั่นนานเท่าไหร่ไม่รู้
จนได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งมายืนเรียกเรา
ไอ้น้องๆๆ
เราหันออกมาทางริมถนนอโศกก็เห็นผู้ชายคนนั้นกำลังเดินเข้ามาหาเรา
มาหางานทำเหรอน้อง
ชายคนดังกล่าวถาม และนั่งย่อเข่าลงตรงหน้าเรา
เรายังไม่ตอบ
ผู้ชายคนนี้ก็ถามต่ออีกว่า
มาจากไหนล่ะ
ผมมาจากปัตตานี
เราตอบไป
มาจากใต้เหรอ
เป็นคนใต้หรือ ไม่น่าละ ดูจากสีผิวกับเส้นผมก็บอกยี่ห้อแล้ว
ผู้ชายคนนั้นพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ
ผมเป็น
คนอีสานครับ
ผมเกิดที่มหาสารคาม
แต่น้าเอาไปเลี้ยงอยู่ที่ขอนแก่น
น้าไม่มีลูก และผมก็โตอยู่ที่โน้น
และทำงานอยู่ที่โน้น
เราอธิบายให้เขาฟัง
แล้วทำไมออกมาซะล่ะ
ชายคนดังกล่าวถาม
ผมมาตามหาแฟนเธอมาเรียนที่กรุงเทพ
แต่วินาทีแรกที่ผมมากรุงเทพผมก็ได้รับความทรงจำไม่ดีเลย
โดนแท็กซี่พาไปปล่อยที่สวนจตุจักรทั้งที่ผมจะมาสวนลุม
และผมก็ถูกหลอกจนไปทำงานที่เรือตังเกที่ปัตตานีได้เดือนกว่าผมจึงโชคดีกลับเข้ามากรุงเทพนี้อีกครั้ง
เราบอกเล่าให้ชายคนดังกล่าวฟัง
เราบอกเล่าให้ชายคนดังกล่าวฟัง
แล้วนี่ได้งานหรือยังล่ะ
เขาถาม
ยังเลย
ผมยังเริ่มต้นไม่ถูก เราตอบ
ไปทำงานกับพี่ไหมล่ะ
ชายคนดังกล่าวชวน
ผมไม่ไปทำงานกับพวกจัดหางานอีกแล้วพี่เข็ดจนตาย
พี่อย่ามาชวนผมเลย ผมไม่ไปหรอก เราปฏิเสธเขาไป
และแล้วชายคนดังกล่าวก็ลุกขึ้น
ล้วงไปในกระเป๋ากางกาง
หยิบบัตรประชาชนของเขาส่งให้เรา
เราลังเลเล็กน้อยแต่ก็หยิบบัตรมาดู
พี่ชื่อพงษ์ศักดิ์
เรียกพงษ์ก็ได้ เขาแนะนำตัว
พี่เป็นหัวหน้างานอยู่ใกล้ๆนี้
เดินเข้าไปในซอยคาวบอยนี่เอง
พอดีคนงานพี่มันมีเรื่องด่วนเลยออกกลับบ้านไปคนหนึ่งพี่ก็เลยออกเดินหาคนงานมาเสริมแทน
แต่ก็ไม่ได้
เลยกำลังจะเดินกลับบริษัทที่พี่พักอยู่ก็พอดีมาเจอน้อง
ไปทำงานกับพี่ไหมล่ะ
นายเขาให้ 3,500
บาทต่อเดือน
เดินไปดูกับพี่ก่อนก็ได้ ด้านในนี้ไม่ถึงสองร้อยเมตร
ใกล้ๆกับ ม.ศ.ว.ประสานมิตร
ไม่พอใจก็ไม่เป็นไร
พี่พงษ์ศักดิ์บอกกับเรา
เราจึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามเขาเข้าไป
พี่พงษ์พาเดินเข้าไปปากซอยสุขุมวิท23เขาเรียกว่าซอยคาวบอย
เราสังเกตว่ามีบาร์
อะโกโก้เต็มไปหมด
จึงถามพี่พงษ์ว่าบาร์
อะโกโก้มันคืออะไรครับพี่
ถ้าน้องอยู่นี่เดี๋ยวกลางคืนพี่จะพาเดินมาดูรับรองน้องไม่เคยเห็นมาก่อนแน่
พี่พงษ์บอก
และไม่นานเราก็เดินมาถึง พี่พงษ์พาเข้าไป
ข้างในมีรั้วรอบขอบชิดเป็นแนวชัดเจน มีบริเวณมีพื้นที่กว้างขวาง
มีต้นไม้ร่มรื่น มีตึกใหญ่ตั้งเป็นประธานอยู่หลังหนึ่ง
ส่วนข้างๆเป็นอาคารเรือนไม้ชั้นเดียวปลูกเป็นแนวยาว มีระเบียง
และ มีต้นตาขบอยู่ด้านหน้า กั้นห้องไว้ใช้งานเป็นสัดส่วน
ด้านนอกอาคารไม้มีกรอบไม้ขึงผ้าวางกองไว้เยอะมาก เราได้กลิ่นสีคละคลุ้งไปหมด
ข้างในมีรั้วรอบขอบชิดเป็นแนวชัดเจน มีบริเวณมีพื้นที่กว้างขวาง
มีต้นไม้ร่มรื่น มีตึกใหญ่ตั้งเป็นประธานอยู่หลังหนึ่ง
ส่วนข้างๆเป็นอาคารเรือนไม้ชั้นเดียวปลูกเป็นแนวยาว มีระเบียง
และ มีต้นตาขบอยู่ด้านหน้า กั้นห้องไว้ใช้งานเป็นสัดส่วน
ด้านนอกอาคารไม้มีกรอบไม้ขึงผ้าวางกองไว้เยอะมาก เราได้กลิ่นสีคละคลุ้งไปหมด
นี่แหละที่ทำงานพี่และก็เป็นที่พักอาศัยอยู่นี่ด้วย
ปกติเราจะอยู่กัน5คนรวมพี่
แต่ตอนนี้เหลือสี่คน ถ้าน้องมาอยู่ด้วยก็จะเป็นห้าคนเหมือนเดิม
ที่พวกเราทำนี่เขาเรียกว่างานพวก
ซิลค์สกรีน ที่เห็นนั่น เขาเรียกบล็อก
เราทำตามที่เขาสั่งมาเอาไว้สกรีนภาพหรือข้อความต่างๆลงในผืนผ้าใบบ้าง สติ๊กเกอร์บ้าง
เสื้อบ้างแล้วแต่เขาสั่งมา
ซึ่งนายเขาจะเป็นคนหางานมาป้อนเราเองเรามีหน้าที่แค่ทำ
หยิบๆจับๆอยู่ตามนี้แหละ
นายพี่เขาทำงานที่บนตึกใหญ่โน้น
เป็นของบริษัทฝรั่งชื่อบริษัท คอบร้า
แต่ของเราที่ทำไม่เกี่ยวกับเขาหรอก
แต่นายพี่เขาขอเช่าพื้นที่รับงานมาทำ
แล้วก็มาจ้างพวกเรานี่แหละ
งานก็มีอัดบล็อก ทากาวแต่งบล็อก แล้วก็สกรีน
ล้างทำความสะอาดบล็อกก็มีเท่านี้คือหน้าที่เรา พี่พงษ์อธิบาย
ล้างทำความสะอาดบล็อกก็มีเท่านี้คือหน้าที่เรา พี่พงษ์อธิบาย
ส่วนที่นอนก็นอนด้วยกันห้าคนหรือใครอึดอัดก็ออกมาปูเสื่อนอนระเบียงได้
หรือศาลานั่งเล่นตรงต้นตาขบก็ได้ ตามสะดวก
ส่วนอาหารก็หากินเองตัวใครตัวมัน พอไหวไหม พี่พงษ์ถามเรา
หรือศาลานั่งเล่นตรงต้นตาขบก็ได้ ตามสะดวก
ส่วนอาหารก็หากินเองตัวใครตัวมัน พอไหวไหม พี่พงษ์ถามเรา
ตอนนี้ก็เย็นแล้วเราคงต้องตัดสินใจอยู่ที่นี่ไปก่อนพอตั้งหลักได้ค่อยว่ากันใหม่
จึงตอบพี่พงษ์ว่าตกลงครับผมอยู่ด้วย
พี่พงษ์บอกดีเลยงั้นเอากระเป๋าไปเก็บไปอาบน้ำอาบท่าก่อนค่อยมาคุยกันต่อ
แล้วพี่พงษ์ก็พาเราเดินทำความรู้จักรที่ทำงานและที่พักใหม่พร้อมแจกแจงรายละเอียดงานให้ฟัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น