วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ไดอารี่สีดำ19


นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเรากันแน่นะถึงได้เคราะห์ซ้ำกรรมซัดถึงเพียงนี้
จะมาตามหาคนรักที่ซอยหลังสวนก็ถูกแท็กซี่พาไปที่สวนจตุจักร
ตัดสินใจสมัครงานกะจะได้งานทำ ก็ถูกพามาที่ปัตตานี
เราครุ่นคิดอยู่ในใจ อะไรก็ตามที่กำลังจะเจออยู่ข้างหน้ามันไม่ดีแน่สำหรับเรา
และพวกเราทั้ง 8 คนที่ต้องมาเผชิญชะตากรรมเดียวกันในเวลานี้

เมื่อชายคนที่พามาจากกรุงเทพพาพวกเราลงจากรถไฟ
ก็พาพวกเราเดินตรงเข้าไปในถนนแคบๆด้านหลังสถานีรถไฟโคกโพธิ์
ที่นั่นมีรถกระบะสองแถวใส่หลังคาต่ำๆพอนั่งก้มหัวได้ไม่เต็มที่นัก
มีผู้ชายอีกสองคนรออยู่ที่รถ พวกเขาก็ทักทายพูดคุยกันอยู่ซักพัก
ชายคนที่พามาก็บอกพวกเราว่า 
พวกแกไปกับพี่สองคนเดี๋ยวเขาจะพาไปต่อ 
ทำตัวดีๆกันล่ะ
โดยเฉพาะเอง ชายคนที่พามาจากกรุงเทพพูดกำชับพร้อมชี้มือมาทางเรา
แล้วชายคนดังกล่าวก็เดินกลับไปที่สถานีรถไฟโคกโพธิ์
ปล่อยให้พวกเราอยู่กับชายอีกสองคนที่มารออยู่กับรถ
ชายทั้งสองคนไล่พวกเราขึ้นรถ
แล้วพวกเขาก็พาขับรถออกไปจากสถานีรถไฟโคกโพธิ์
เราพยายามมองและสังเกตข้างทางทั้งสองฝั่ง
บอกเพื่อนๆที่มาด้วยกันว่าพวกเราคอยจำทางไว้นะว่ามันพาเราไปที่ไหน
ทุกคนต่างก็หันหน้าออกสองข้างทางคอยมองอ่านทุกข้อความที่ผ่านตาที่ทุกคนเห็น

อำเภอหนองจิก
อำเภอหนองจิก เราบอกเพื่อน
ตอนนี้เราอยู่อำเภอหนองจิก

แต่รถก็ยังวิ่งไปเรื่อยโดยไม่ได้หยุดด้วยความเร็วมาก
รถวิ่งไปเรื่อยจนเรามองเห็นเสากระโดงเรือแต่ไกลมากมาย
แล้วรถก็จอด และเรียกให้พวกเราลงไป

มันคือสะพานปลา ปัตตานี
เราพูดกับเพื่อนก่อนจะลงรถพร้อมชี้ให้เพื่อนดูป้ายที่เขียนไว้
แล้วทั้งสองก็พาเราเดินเข้าไปภายในสะพานปลา

เห็นผู้หญิงใช้ผ้าคลุมศรีษะมากมายกำลังนั่งเรียงรายเป็นแถวยาว
หลายแถวนั่งเลือกปลาหยิบปลาโน่นโยนใส่ตะกร้านั้น
หยิบปลานั้นโยนใส่ตะกร้านี้ด้วยความคล่องแคล่วว่องไว
และจะมีรางไม้ทำเป็นสะพานเอียงลาดลงมา เรามองขึ้นไปตามปลายสะพานอีกด้านหนึ่ง
ปรากฎว่ามันเชื่อมต่ออยู่กับเรือหาปลาที่จอดทอดสมออยู่
มีชายหนุ่มร่างกรำยำไม่ใส่เสื้อ สวมกางเกงชาวเล
ตักปลาจากเรือใส่ตะกร้าพลาสติกทรงสี่เหลี่ยมส่งให้กันเป็นทอดๆ
ไสตะกร้าไล่ลงมาที่สะพานตรงที่พวกผู้หญิงที่ใช้ผ้าคลุมหน้าคลุมศรีษะนั่งเลือกปลาอยู่
และก็จะมีคนคอยเข็นตะกร้าปลาที่เต็มแล้วออกไปนำตะกร้าว่างใบใหม่วางใส่เข้าไปแทนสลับสับเปลี่ยนกันอยู่อย่างนี้

ชายสองคนพาพวกเราเดินไปตามสะพานปลา เราก็จะเห็น
เรือประมงจอดเทียบท่านำปลาขึ้นจากเรือ
และมีผู้หญิงโพกผ้านั่งเลือกปลาอยู่ลำใครลำมันตลอดแนวทางที่พวกเราเดินผ่าน

จนมาถึงเรือลำหนึ่งซึ่งจอดเทียบท่าอยู่ไม่ได้ขึ้นปลาเหมือนเรือลำอื่น
พอเดินไปถึงชายสองคนก็พาพวกเราขึ้นไปบนเรือหาปลาลำนั้น
พร้อมพูดคุยกับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่รออยู่บนเรือ

ชายที่อยู่บนเรือบอก มาเสียทีจะได้ออกเรือจอดแช่อยู่นี่มาสามวันแล้ว
จากนั้นชายสองคนที่พามาก็กลับไปทิ้งพวกเราไว้ที่เรือ
จากนั้นชายคนดังกล่าวบอกลูกน้องบนเรือคนหนึ่งบอกเอาเรือเข้ารับน้ำแข็ง
แล้วพวกเขาก็ขับเรือเข้าไปจอดเทียบท่ามีท่อขนาดใหญ่ต่อมาที่เรือ
มีลูกเรือเข้าไปช่วยกันจับท่อดังกล่าว
ลูกเรือส่วนหนึ่งเปิดฝาตรงพื้นเรือขึ้น
แล้วนำท่อดังกล่าวใส่เข้าไปพร้อมส่งสัญญาณ
ซักครู่เสียงน้ำแข็งวิ่งมาตามท่อลงสู่ท้องเรือซึ่งเป็นห้องเก็บปลาจนเต็ม
จากนั้นชายคนดังกล่าวสั่งลูกน้องเข็นถังแก๊สลงเรือ
เป็นถุงแก๊สหุงต้มขนาดใหญ่สูงเกือบเท่าตัวเรา
เราสูงประมาณ 175 เซนติเมตร
มีถังแก๊สขนาดใหญ่ถูกลำเลียงขนลงเรือเป็นสิบถัง
พร้อมถังผักเสบียงกรังต่างๆรวมถึงน้ำดื่มถูกบรรจุลงในแกนลอนขนาด30-50ลิตรอีกเกือบ50ถัง
เมือทุกอย่างพร้อมชายคนที่มีอำนาจที่สุดบนเรือก็สั่งให้ลูกน้องออกเรือ

พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเพียงแค่ยืนดูอยู่ใกล้ๆ
และเรือที่มีลูกเรือรวมเราด้วยก็เกือบ 30 คน ถูกสั่งให้แล่นมุ่งหน้าออกสู่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ทันที











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น