พอเช้าเราก็รีบตื่นม้วนเสื่อคืนพี่เขาไป พร้อมกับขอบคุณพี่เขาที่ได้กรุณาให้อาศัยหลับนอน
และขอเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อไปเผชิญโชคชะตาอีกครั้ง
หลังจากลาพี่เขาแล้วเราก็เดินออกจากปั๊มน้ำมัน
มุ่งตรงเข้าไปในเมืองตามที่พี่เขาบอก
เจอร้านรวงที่ไหนก็ยกมือไหว้ของานเขาทำเรื่อยไป
ก็ไม่มีที่ใดรับ อ้างว่าคนเต็มบ้าง
งานน้อยบ้าง ตามแต่ว่าใครจะปฏิเสธได้อ่อนโยนกว่ากัน
เราก็เดินของเราไปเรื่อยจนเหนื่อย
มองหาอาหารใส่ท้องซะหน่อยไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว
แวะหาซื้อข้าวเหนียวหมูย่างมานั่งกินริมทางข้างคลองน้ำ แต่ไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน
พอเติมอาหารใส่ท้องเสร็จเราก็ออกเดินต่อไป
ในใจก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึง วริญญา หญิงคนรัก
ป่านนี้เธอคงกำลังรอการมาของเราอยู่เป็นแน่แท้
แต่เธอรู้มั๊ยคนดี สองวันที่ผ่านมาทิวเจออะไรมาบ้าง
ที่นี่มันไม่เหมือนบ้านเราจริงๆนั้นแหละ
ผู้คนที่นี่แม้จะอาศัยอยู่กันอย่างแออัดเบียดชิดติดกัน
แต่เขากลับไม่รู้จักกัน ไม่สนิทสนม สนทนากัน เหมือนสังคมบ้านเรา
ที่อยู่ห่างกันแต่กลับมีใจใกล้ชิดกันมากกว่า
คิดไปเดินไป
เราเดินไปเดินมาจนมาโผล่ที่มีผู้คนมากมายแห่งหนึ่ง
ถามคนแถวนั้นเขาบอกว่าเป็นอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เราหยุดนั่งพักอยู่แถวนั้นเพียงครู่เดียว
ก็มีเสียงคนเข้ามาเรียก
น้องๆๆ
เราหันตามเสียง
ก็เห็นผู้ชายร่างกรำยำคนหนึ่งหนวดเฟิ้มเดินเข้ามา
และมานั่งลงใกล้ๆกับเรา
มาหางานทำเหรอ เห็นถือกระเป๋ามาด้วย ชายคนนั้นถาม
เปล่าครับผมมาหาคน เราตอบเลี่ยงไป
อยากทำงานไหมล่ะน้อง เงินดีนะ ชายคนดังกล่าวพยายามเสนอ
เราก็เงียบไม่ตอบโต้
ชายคนดังกล่าวก็พูดต่ออีกว่า
เมื่อวานนี้พี่เพิ่งพาไปสมัครงานห้าคน
ป่านนี้ได้งานทำกันหมดแล้ว
ลูกผู้ชายเรามันก็อย่างนี้แหละ
ตอนหนุ่มๆแน่นก็ต้องรีบสร้างฐานะไว้ให้มั่นคงแก่ตัวมาจะได้ไม่ลำบาก
จะหางานในกรุงเทพ มันไม่ยากหรอกน้อง แต่มันต้องมีคนรู้จักพาไปฝาก
ไม่งั้นเดินทั้งวันก็ไม่มีใครรับหรอกเขาไม่ไว้ใจ ชายคนดังกล่าวชี้แจงและอ้างเหตุผลสารพัด
เราก็นั่งฟังไม่ได้ตอบโต้อะไร
แต่ชายคนดังกล่าวก็ยังไม่หยุด
ยังพูดต่ออีกว่า ถ้าน้องอยากทำงาน
ก็ไปกับพี่ได้นะ ตอนนี้มีเพื่อนรออยู่แล้วหลายคน
น้องเดินไปดูก่อนก็ได้ตรงนี้เอง ค่อยตัดสินใจ
เราจึงพูดขึ้นว่าตรงไหนครับ
ตรงนี้เอง ไปๆจะพาไป
แล้วชายคนดังกล่าวก็พามาตึกแถวแห่งหนึ่ง
หน้าตึกเขียนว่าจัดหางาน
มีคนนั่งรออยู่ข้างในหลายคนทั้งหญิงและชายถูกจัดออกไว้แยกส่วนหญิงชาย
ชายคนดังกล่าวบอกให้เราเข้าไปข้างใน
และตระโกนว่า เจ๊ๆๆ แล้วก็ชี้มือมาทางเรา ก่อนจะบอกเราว่าเดินไปหาเจ๊คุยกับเขาก่อน
แล้วชายคนดังกล่าวก็เดินออกไป
สักพักก็พาคนใหม่เข้ามาอีก
เราก็พอนึกขึ้นได้นี่คงเป็นสำนักจัดหางาน
แล้วหญิงคนที่ชายคนนั้นเรียกว่าเจ๊ ก็เรียกเราเข้าไป
ส่งใบตำแหน่งงานให้อ่านแล้วบอกให้เรากรอกข้อมูลในอีกใบ
เราก็อ่านดู เห็นมีตำแหน่งเสมียน ใช้วุฒิ ม.3 อยู่ด้วย ระบุให้เงินเดือน 3,000 บาท
เราทำงานอยู่ขอนแก่นได้ 1,500 บาท นี่ก็มากกว่ากันครึ่งหนึ่ง ก็น่าลองดู
จึงถามผู้หญิงคนนั้นว่า บริษัทนี้อยู่ที่ไหนครับ
เธอถามกลับว่าน้องสมัครตำแหน่งไหน
เสมียนครับ เราตอบ
อ๋อ บริษัทนี้อยู่รอบนอกกรุงเทพไปหน่อย และเขากำลังขาดคนนะ
ถ้าน้องต้องการเขียนใบสมัครได้เลย ไปวันนี้เลย เขามีที่พักให้ด้วย เธอย้ำ
เราจึงถามอีกว่า แล้วที่นี่เป็นสำนักจัดหางานถูกต้องตามกฎหมายหรือเปล่าครับ
เธอมองหน้า ถูกซิจ้ะเธอ ไม่ถูกจะมาเปิดอยู่กลางเมืองอย่างนี้ได้เหรอจ้ะ
นี่คนที่นั่งอยู่นี่ต่างมีงานแล้วทั้งนั้น เหลือแต่น้องที่มาใหม่ รีบสมัครซะ
จะได้ออกเดินทางพาไปส่งตามที่สมัครเอาไว้ เธอพยายามย้ำ
เรามองซ้ายมองขวาดูคนรอบๆข้างที่นั่งอยู่ นับรวมกันเกือบ 20 คน
จึงตัดสินใจเขียนใบสมัครในตำแหน่งเสมียน แล้วยื่นเอกสารให้กับเธอ
เธอบอกให้นั่งรออีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงจะมีรถมารับพาทุกคนไปตามที่ที่ได้สมัครงานเอาไว้
และเสียค่าสมัครให้เธออีก 100 บาท
เป็นอันว่าเราตัดสินใจจะทำงานก่อน
มีเวลาวันหยุดค่อยหาทางไปพบกับริญในวันหลัง
เรานั่งรออยู่ครู่ใหญ่ก็มีรถตู้ขับเข้ามา สองคัน จอดด้านหน้าสำนักงาน
ผู้หญิงที่อยู่ด้านใน บอกให้ทุกคนลุกออกไปขึ้นรถด้านนอก
เราก็ลุกออกไปพร้อมกับคนอื่นๆ
ผู้ชายที่ด้านนอก บอกให้ผู้ชายขึ้นคันนี้
ส่วนผู้หญิงขึ้นอีกคันนี้พร้อมชี้มือ
พวกเราก็เดินขึ้นรถแต่โดยดี
เมื่อขึ้นเสร็จชายสองคนเดินเข้าไปคุยกับผู้หญิงที่อยู่ข้างใน
และเราสังเกตเห็นมีการจ่ายเงินให้กัน
แล้วผู้หญิงคนดังกล่าวก็เดินออกมาข้างนอกพร้อมกับชายสองคน
แล้วเธอก็พูดขึ้นว่า ทุกคนรถสองคันนี้จะพาพวกเราไปส่งตามโรงงานตามบริษัท
ตามที่อยู่ที่พวกเราได้สมัครงานเอาไว้ขอให้ทุกคนสบายใจได้
ยินดีกับทุกคนที่ได้งานทำแล้ว
และเธอก็สั่งให้รถออก
รถตู้สองคันวิ่งแยกออกไปคนละทาง
รถตู้ที่เรานั่งมาด้วยวิ่งออกมาได้ครู่ใหญ่เราก็สังเกตเห็นมีรถไฟจอดอยู่หลายขบวน
นี่มันหัวลำโพงนี่ครับ เราพูดขึ้น ชายที่นั่งคู่คนขับมาด้วยก็พูดขึ้นว่า
ใช่แล้วนี่หัวลำโพง เราจะนั่งรถไฟไปกัน
แล้วก็พาพวกเราเดินเข้าไปหัวลำโพง
ชายอีกคนเดินไปซื้อตั๋ว
แล้วพาพวกเราเข้าไปด้านในชานชาลา
เรานับดูพวกเรามากัน 8 คนบวกคนที่พาไปอีกคนเป็น 9 คนไม่รวมคนขับรถ
เราจะไปรถไฟเพราะบริษัทอยู่ชานเมือง จะทยอยส่งทีละคนจนครบนะไม่ต้องห่วง
ชายคนหนึ่งพูด
พร้อมกับบอกว่า พี่คนนี้จะพาพวกเราไปส่ง
ส่วนพี่จะกลับไปรับคนชุดใหม่มาอีก แล้วก็เดินจากไป
ชายอีกคนพาพวกเราเดินเข้าไปในชานชาลา
สักครู่ก็พาพวกเราขึ้นขบวนรถไฟ
จัดหาที่ให้พวกเรานั่งอยู่เป็นกลุ่มใกล้กัน
ชายคนดังกล่าวก็ชวนคุยเพื่อให้พวกเราคลายกังวลใจลงไปเรื่อย
ถามใครมาจากไหนบ้างไปเรื่อยจิปาถะ
พอรถออกไปจากหัวลำโพงสักครู่ใหญ่
ชายคนดังกล่าวก็แจกน้ำให้พวกเราดื่มกันคนละขวด
พร้อมชวนคุยไป
หลังจากดื่มน้ำเข้าไป
จากนั้นเราก็ไม่รู้ไม่เห็นอะไรอีกเลย
มารู้สึกตัวเมื่อมีคนมีร้องเรียกให้ตื่นพร้อมมือตบไหล่แรงๆ
เราได้สติลืมตาขึ้นมาพร้อมเพื่อนที่มาด้วยกัน
เขาสั่งให้เราลงจากรถไฟพร้อมบอกว่าถึงแล้ว
พวกเราก็ลง
เราสังเกตุที่ป้ายสถานีรถไฟมันเขียนว่า
เป็นสถานีรถไฟโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
เราตกใจ พร้อมถามชายคนดังกล่าวว่า
พี่ครับทำไมพาพวกผมมาที่ปัตตานีล่ะที่ตกลงกันไว้มันไม่ใช่อย่างนี้นี่ครับ
ชายคนดังกล่าว
ขู่ตะคอกด้วยท่าทีที่ไม่เป็นมิตรเหมือนตอนแรก
เองไม่อยากเป็นปุ๋ยอยู่ที่นี่ก็เงียบปากเองซะแล้วตามมาดีๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น