วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

ไดอารี่สีดำ15


เมื่อเราได้ตัดสินใจแน่แน่วแล้วว่าจะลาออกจากงาน
และเดินหน้าเสี่ยงโชคเผชิญกับชะตาของตัวอีกสักครั้ง
เช้าวันต่อมาเราก็เข้าไปหาเฮียเจ้าของร้านเพื่อขอลาออก
ลื๊อจะออกไปทำไมวะ เฮียหลงซิง พูดขึ้นมา
แล้วเฮียจะไปหาคนที่ไหนมาแทนลื๊อได้ทัน
หน้าร้านก็มีเพียงลื๊อคนเดียว
นอกนั้นเขาก็เป็นชุดขายของเขาที่ไปกับรถกระบะไปเร่ขายส่งข้างนอก
เขาลงตัวเขาแล้วไปดึงมาก็ไม่ได้ เฮียบอก

ผมต้องขอโทษด้วยครับเฮีย ผมได้คิดดีแล้ว
ผมต้องขอบคุณเฮียที่เมตตาให้ที่อาศัยหลับนอนและให้งานผมทำ
หลายปีที่ผ่านมา 

ผมเพิ่งอายุ18ปีเอง ผมอยากไปเผชิญโลกภายนอกดูบ้าง
ดีกว่าปล่อยชีวิตให้มันหมดไปกับกาลเวลาโดยที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย เราพูดกับเฮีย
แล้วลื๊อเคยไปกรุงเทพหรือวะ เฮียถาม
ไม่เคยครับ ผมจินตนาการภาพไม่ออกด้วยซ้ำว่ามันเป็นอย่างไร
แต่ผมก็อาศัยอยู่ในเมืองขอนแก่นมานี่ก็เกือบสิบปีตั้งแต่เด็ก
มีความรู้เกี่ยวกับชีวิตในเมือง ใช้ชีวิตในเมือง
กรุงเทพคงจะต่างจากขอนแก่นตรงที่ใหญ่กว่าเท่านั้นเอง เราสนทนากับเฮีย

เฮียใจหายนะ ลื๊ออยู่กับเฮียมาสามปีแล้ว ลื๊อเป็นคนดีซื่อสัตย์
มีไหวพริบ มีความฉลาดมุ่งมั่น จนเฮียยอมให้ลื๊อ อยู่กับโกดังสินค้าได้ ออกใบเสร็จเก็บเงินได้
ซึ่งคนงานคนอื่นต้องไปหาที่พักเองข้างนอก ลื๊อก็เห็น เฮียหลงซิงเผย

กราบขอบคุณเฮียมากครับที่เมตตาผม
ผมก็มีความสุขดีที่ได้ทำงานกับเฮีย
แต่ผมก็มีความจำเป็นต้องไปครับ เราย้ำกับเฮียอย่างหนักแน่น
เมื่อตัดสินใจแล้ว เฮียก็ไม่ฝืน อีกสองวันสิ้นเดือนมารับเงินเดือนสุดท้ายของลื๊อ
กับเฮียที่นี่ วันนี้ไปทำงานก่อน เฮียบอกและอนุญาตให้เราลาออก
เรายกมือไหว้ขอบคุณเฮียก่อนเดินออกมาจากออฟฟิศ

เย็นของวันนี้หลังเลิกงาน
เราก็คงยังไปที่บึงสีฐานอีกอยู่เช่นเคยตามปกติทุกวัน
และก็เห็นแพรว นักศึกษาน้องใหม่จากต่างถิ่นมานั่งอยู่ก่อนหน้าแล้วเหมือนเดิม

ทิว เธอร้องเรียกและกวักมือเรียกเข้าไปหา
เราสังเกตดูทีท่าเธอรู้สึกว่าเธอเริ่มจะคุ้นเคยกับเรา การใช้ภาษาสนทนากัน
ก็ไม่ขัดเขินเหมือนก่อน

เราก็นั่งสนทนากับเธออยู่ซักครู่ใหญ่ก็ขอตัวกลับ
แต่ดูทีท่าเธอจะพยายามชวนคุยเพื่อให้เราได้อยู่ต่อ
เราเองก็ยืนยันที่จะกลับ
และก็กลับมาได้ในที่สุด

เราทำงานอีกสองวันสุดท้ายก่อนจะลาออก
วันนี้สิ้นเดือนตามกำหนด เราเปิดร้านรวงจัดหน้าร้านเรียบร้อย
ก็ออกมานั่งที่หน้าร้าน

เพื่อนพ้องพี่น้องร่วมงานคนอื่นๆก็มารวมทีมของตัวเองกันพร้อม
ต่างจัดเตรียมข้าวของขึ้นรถของใครของมัน คันละสองคน 
เพื่่อวิ่งเร่ไปจำหน่ายตามร้านค้าทางไกลออกไป

เราเองก็เข้าไปพูดคุยบอกลาทุกคนว่าจะออกงานวันนี้แล้ว
และก็ขึ้นไปนั่งที่กระบะพ่วงข้างมอเตอร์ไซค์ที่เป็นยานพาหนะที่เราใช้วิ่งส่งของ
เป็นประจำทุกวันในระแวกใกล้ๆนี้
ต้องจากกันแล้วไอ้เกลอ
ขอบใจแกนะ ที่พาฉันไปพบกับริญ
และวันนี้ฉันก็กำลังจากแกไปพบกับริญอีกเหมือนกัน
ขอบใจมากไอ้เพื่อนยาก เราแอบพูดเบาๆอยู่กับรถส่งของคู่ใจ
ครู่เดียว เฮียก็เข้ามา
ทิวเข้าไปข้างในกับเฮีย เฮียหลงซิงเรียก
เราเดินตามเข้าไป
เฮียนั่งลง เปิดลิ้นชัก นำสมุดขึ้นมาให้เราเซ็นชื่อรับเงินเดือน
พอเราเซ็นชื่อเสร็จ เฮียก็ส่งเงินให้
นี่เงินเดือนสุดท้ายลื๊อนะทิว 1,500 บาท
ส่วนนี่เงิน 2,000 บาทเฮียกับเจ๊ให้ลื๊อส่วนตัว เฮียพูดพร้อมกับส่งเงินให้
เรามองหน้าเฮีย
รับไปเฮียให้ลื๊อ ไปกรุงเทพแล้วถ้าไม่สมหวังก็กลับมาหาเฮียได้ตลอดเวลานะทิว
เฮียเสียดายลื๊อจริงๆ
ลื๊อเหมือนเฮียตอนหนุ่มๆ
ลื๊อมองดูร้านนี้สิ มันไม่ใช่ของเฮียแต่แรก
มันเป็นของพ่อเจ๊เขา
เฮียก็ยากจนขายก๋วยจั๊บกับป๊าอยูหน้าโรงหนังในตลาด
จนได้พบกับเจ๊ แล้วเราก็รักกัน
ถูกกีดกันสารพัดจากฝ่ายพ่อเจ๊
แต่เฮียก็มุ่งมั่นทำมาหากินทุกอย่าง
หยิบจับอะไรที่ขายเป็นเงินได้เฮียขายหมด
จนซื้อรถกระบะเก่าๆได้คันหนึ่ง
ที่ลื๊อเห็นจอดทิ้งอยู่ในโกดังนั่นไง
นั่นแหละรถคันแรกของเฮีย 
เฮียใช้มันวิ่งส่งขายน้ำอัดลม เหร้า เบียร์
เครื่องดื่มทั้งหลาย เฮียไปรับจากร้าน
แล้วก็วิ่งออกเร่ขายเหมือนที่เพื่อนๆลื๊อไปทุกวันนี้
จนเฮียมาเช่าร้านตรงนี้ได้

จนในที่สุดพ่ออาเจ๊เขายินยอมให้เราแต่งงานกัน และซื้อตึกนี้ให้เฮียใช้ทำมาหากินจนทุกวันนี้

เฮียเล่าความหลังให้เราฟังอย่างไม่เขินอาย
เฮียรู้ว่าลื๊อจะไปตามแฟนใช่ไหมล่ะ
เฮียรู้นะอย่าคิดว่าเฮียไม่รู้
เพราะเหตุนี้เฮียถึงเข้าใจลื๊อ เฮียบอกกับเรา

ขอบคุณเฮียกับเจ๊มากครับ เรายกมือไหว้อีกครั้ง

วันนี้ลื๊อไม่ต้องทำงานแล้ว
ลื๊อไปเตรียมตัวลื๊อให้เรียบร้อย
เก็บข้าวของอาบน้ำแล้วนำกุญแจโกดังกับบริษัทมาคืนเฮียนะ ไปๆ

เรายกมือไหว้ลาเฮียอีกครั้งแล้วก็ขอตัวออกมาข้างนอก

อาบน้ำเสร็จสรรพเราเก็บข้าวของซึ่งก็มีเสื้อผ้าอยู่สี่ห้าชุดใส่กระเป๋าสะพายสีดำ
เก็บเอกสารสำคัญส่วนตัวทั้ง ใบ ร.บ. วุฒิ ม.3 สมุดธนาคาร ใส่กระเป๋าใบเล็กอีกใบ
ติดไว้กับตัว แล้วก็ออกมาลาเฮีย และมุ่งตรงออกไปนอกเมืองที่เทศบาลบ้านโนนชัย
เพื่อไปลาน้า ฝากเงินบางส่วนให้น้าไว้ใช้ฝากบางส่วนให้น้านำไปให้พ่อแม่ที่บ้าน
และฝากน้าลาพ่อแม่ที่บ้านให้ด้วย
เราไม่ได้บอกว่าจะไปกรุงเทพด้วยเรื่องอะไร
เรื่องของหัวใจทางครอบครัวไม่ว่าน้าหรือพ่อแม่ก็ไม่เคยรู้
เราอยู่กินข้าวกับน้ามื้อนึง
แล้วน้าก็ขับมอเตอร์ไซค์มาส่งที่สถานีรถไฟ
เราบอกให้น้ากลับก่อน ไม่ต้องห่วง
พอน้ากลับเราก็แวะไปบึงสีฐานเป็นครั้งสุดท้าย
เวลาประมาณห้าโมงเย็น 
เรามาอำลาที่นี่ มาซึมซับและจดจำบรรยากาศที่นี่ให้ได้มากที่สุด
เราเองก็ไม่ได้ต่างจากริญที่คงคิดถึงที่นี่ไม่น้อย
ริญเองเธอเกิดและวิ่งเล่นที่นี่จนโต ความรู้สึกของเธอคงยิ่งกว่าเรา

เรานั่งดู นอนดู ผุดลุกผุดนั่ง
และก็นึกถึงภาพเก่าที่ริญบอกให้เราแต่งกลอนบรรยายบรรยากาศริมบึงในวันนั้น
ทั้งที่เราไม่เคยแต่งกลอนเลย

พอคิดขึ้นได้ เราก็คว้ากระเป๋ามาหยิบเอาสมุดพก ปากกาออกมา แต่งกลอนอำลาที่นี่อีกสักครั้งเป็นครั้งสุดท้าย

เราเริ่มต้นที่

บึงสีฐาน  นั้นเป็น  พยานรัก
เป็นประจักษ์  พยาน  ที่ชัดแจ้ง
ทุกเย็นย่ำ  นั่งชม  ตะวันแดง
ที่สาดแสง  ส่องสอด  ลอดแนวไพร

สนคู่นั้น  ยืนยัน  และตอกย้ำ
ทุกเย็นค่ำ  สองเรา  อยู่ที่ไหน
สนคู่นี้  รู้เห็น  ความเป็นไป
ทุกถ้อยคำ  เอ่ยไว้  สนได้ยิน

มาวันนี้  ขอลา  ไปก่อนแล้ว
เพื่อตามหา  นางแก้ว  ดั่งถวิล
ต้องลาร้าง  ห่างไกล  ธรนินทร์
เพื่อออกตาม  หาริญ  ให้กลับมา

ขอฝากรัก  เอาไว้  ตรงนี้ก่อน
จะหวนคืน  กลับคอน  ย้อนมาหา
แล้วเราสอง  จะก้ม กราบบูชา
เมื่อกลับมา  คราวหน้า  ค่อยพบกัน
----------------------------------
ลาก่อนบึงสีฐาน ลาก่อน ต้นสนคู่
มีบุญวาสนา เราสองคนจะกลับมา พบกันอีกที่นี่

แล้วเราก็ลุกเดินออกจากมอดินแดง กลับสถานีรถไฟ
ซื้อตั๋วไปกรุงเทพ ใบละ 79 บาท
ก้าวขาขึ้นขบวนรถไฟ ด้วยใจอาวรณ์
ฉันไปตามหาหัวใจของฉัน ฉันไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีหัวใจอยู่ที่นี่
ทิ้งรอยอดีตไว้ที่นี่ ตรงนี้ เมืองขอนแก่น ลาก่อนขอนแก่น







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น