วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

ไดอารี่สีดำ11


น้ำเสียงที่ราบเรียบของพ่อริญ
ไม่ได้มีความดุดันอะไร
แต่ทำไม
ทำไมมันถึงได้เฉือนลึกเข้าไปในเนื้อหัวใจเราได้ถึงเพียงนี้
ใจความทั้งหมดก็มาสรุปอยู่ตรงที่เรานั้นมันต่ำต้อยติดดิน
ห่างชั้นกับริญราวหงส์กับกาดำ
ไม่มีทางที่จะร่วมคู่ครองรัก
กันได้ทุกกรณี

เธอรออยู่ตรงนี้นะ
ฉันกับแม่ริญจะออกไปข้างนอก 
พ่อของริญกล่าว พร้อมกับลุกเดินออกไปจากห้อง

สักพักริญก็เดินเข้ามา
เป็นไงบ้างทิว
พ่อกับแม่ว่าไงบ้าง
ริญเป็นห่วงทิวแทบแย่ ริญถามด้วยความห่วงใย

ไม่มีอะไรหรอก ริญ
พ่อกับแม่อนุญาตให้เราคบกันต่อไปได้
แต่ระหว่างนี้ริญต้องตั้งใจเรียนให้ดี
อย่าได้กังวลเรื่องของเรา
ผู้ใหญ่ท่านรับรู้แล้ว
ทิวว่าก็ดีนะ
ต่อไปเราจะได้คบกันอย่างเปิดเผย
พ่อบอกพรุ่งนี้อนุญาตให้ทิวไปส่งริญได้ที่สถานีรถไฟ
เราบอกกับเธอ

จริงหรือทิว จริงๆนะ เธอถามย้ำ
จริงจ้ะ เราตอบ
ริญยังจำคำสัญญาที่ริมบึงเราได้ไหม เราถามความทรงจำเธอ
จำได้สิจ้ะทิว เธอตอบ
เราสัญญาว่าไม่ว่าเวลาจะแปรเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม
หรือไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า
รักของเราสองคนก็จะยังคงมั่นนิรันดร
มีแต่ความตายเท่านั้นที่จะพรากรักเราได้
เราทบทวนความทรงจำแห่งสัญญา

วันนี้ทิวอยากบอกริญอีกว่า
แม้ความตายก็จะไม่สามารถมาพรากรักเราได้
และทิวจะขอตั้งสัจจะวาจากับริญว่า
ชาตินี้ทิวเกิดมาเพื่อริญคนเดียว
และจะสร้างกุศลให้หนุนนำในชาติหน้า
ให้ก่อภพก่อชาติผูกพันกับริญตลอดไป
ให้เราได้เกิดมาร่วมภพชาติกัน
และครองคู่อยู่ด้วยกันจนแก่ตายจากกันทุกภพทุกชาติไป

นี่คือคำสัญญาจากทิวอีกครั้งหนึ่งจ้ะริญ เราให้คำมั่นต่อเธอ
ริญซึ่งนั่งอยู่ข้างๆโน้มตัวเข้ามากอดเราเต็มแรงและรัดแน่น
เสมือนหนึ่งว่าไม่อยากให้หลุดลอยไป

เราได้ยินเสียงสะอื้นร่ำไห้เบาๆ
และน้ำเสียงพูดที่สั่นเครือของริญ
ริญดีใจที่ได้ยินทิวพูดเช่นนี้
และริญเองก็ขอยืนยันคำสัญญาที่ทิวพูดมาเมื่อสักครู่ตลอดไปเช่นกัน

ริญจะหมั่นติดต่อกลับมาหาทิวนะจ้ะ
ไม่รู้ว่าจะโทรศัพท์มาได้หรือเปล่า
เพราะริญเกิดและเติบโตที่ขอนแก่นนี่
ริญเกิดและโตในมอดินแดงแห่งนี้
ที่นี่คือบ้านเกิดของริญ
ริญไม่เคยไปอยู่กรุงเทพ
มีเพียงแค่คุณพ่อพาไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าเป็นครั้งคราวเท่านั้น
จากกันคราวนี้ไม่รู้เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีกทิว

ทำไมนะทิว
ทำไมตัวกับหัวใจถึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน
ทำไมตัวกับหัวใจต้องแยกกันอยู่
ทำไมระหว่างความกตัญญูกตเวที
กับเรื่องของหัวใจไม่ไปด้วยกัน
มันยากจังเลยทิวถ้าจะให้เลือก
ระหว่างความกตัญญูกับหัวใจ
ริญพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุกข์ใจอย่างยิ่ง

ริญต้องเลือกความกตัญญูมาก่อน เราพูดแทรก
พ่อแม่มีบุญคุณกับเรา
ให้ชีวิตเรา
ให้การศึกษา
อบรมเลี้ยงดูเรา
และมีความหวังของทั้งพ่อทั้งแม่ให้เราแบกรับและสืบช่วงต่อ
ซึ่งเราจะละเลยไม่ได้ เราบอกกับเธอ

แล้วเรื่องของหัวใจล่ะทิว
เราไม่มีสิทธิ์เลือกชีวิตและทางเดินของตัวเองได้เลยหรือ
ริญไม่อยากแบกรับความหวังความต้องการของผู้อื่นไปทั้งชาติ
มันชีวิตเรานะทิว
เราควรที่จะมีสิทธิในการเลือกทางของเรา
และเมื่อเราเลือกแล้วตัดสินใจแล้ว
ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดีในอนาคต
ริญก็จะยอมรับมันและอยู่กับมันตลอดไป
ริญคิดของริญอย่างนี้น่ะทิว เธอกล่าว

แต่เราไม่ได้อยู่คนเดียวนะริญ
เรามีสังคม
ทั้งสังคมรอบข้าง
ครอบครัว
แบบแผนทางวัฒนธรรม
ม่านประเพณี
บรรทัดฐานทางสังคมเหล่านี้มันล่ามคอเราอยู่
และที่สำคัญหน้าตา
มันเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญที่สุด เราพูดกับเธอ

ก็จริงอย่างทิวว่านะ
ทำไมนะทิว
ทำไมคนเราต้องสร้างกรอบสร้างตารางขึ้นมากักขังตัวเอง
ทำไมคนเราไม่ชอบชีวิตที่อิสระ เสรีภาพ ที่โบกบินไปไหนก็ได้ในโลกกว้างใบนี้
ไม่ต้องมานั่งปั้นแต่งหน้า

อยากกิน อยากนอน อยากเดินเล่น อยากพูด อยากหัวเราะ ตีลังกา หกคะเมน ก็ทำได้
ริญต้องการชีวิตอย่างนั้นมากกว่าทิว ริญบรรยายถึงความต้องการของเธอ

จ้ะริญ ..ทิวเองก็ต้องการชีวิตอย่างนั้น
ทิวว่าเราควรจะออกไปได้แล้ว
พ่อแม่รออยู่ เราเตือนเธอพร้อมกับลุกขึ้น

เดี๋ยวก่อนทิว
ริญลุกขึ้นแล้วก็เดินมากอดเราอย่างรัดแน่นอีกคราว
เราเข้าใจถึงความรู้สึกของเธอที่กำลังจะพลัดพรากจากรัก
ที่เคยใกล้ชิด เคยสัมผัส เคยสนุกสนานอยู่ท่ามกลางกลิ่นไอรักที่หอมอบอวนอยู่ทุกวัน
บัดนี้เมื่อรู้ว่าต้องจากก็ต้องโศกเศร้าเสียใจเป็นธรรมดา
เช่นเดียวกับในหัวอกเราก็ปวดร้าวยิ่งนัก
จนทนไม่ไหวที่จะยกมือขึ้นมาโอบกอดรัดเธออย่างตรึงแน่นเช่นกัน

จำคำสัญญาเราเอาไว้ริญ
เราจากกันแค่ตัว
แต่หัวใจเรายังอยู่ด้วยกัน
จะไม่มีใครมาพรากมันแยกจากกันได้
จ้าทิว..จะไม่มีใครมาพรากรักเราได้ เธอตอกย้ำคำพูดของเราให้มั่นคงยิ่งขึ้น

พรุ่งนี้ทิวจะออกมารอริญที่สถานีรถไฟตั้งแต่สองทุ่ม
ถ้ามีโอกาสให้ริญขอพ่อแม่ออกไปรอที่สถานีก่อนจะได้ไหม
ทิวอยากใช้เวลาอันมีค่านี้
อยู่กับริญให้ถึงนาทีสุดท้ายก่อนที่จะลาจากกัน เราเอ่ยปากขอเธอ

จ้าทิว..ริญจะลองขอพ่อออกมาก่อน ทิวมารอนะจ้ะ ริญตอบรับคำ

เราออกไปข้างนอกกัน เราบอกเธอ
แล้วเราก็เดินออกมา

เป็นไงเรียบร้อยไหม
เสียงพ่อของริญเอ่ยถาม
เรียบร้อยครับท่าน
ริญรับปากจะไปเรียน
 เอ้อๆๆ  ขอบใจ ขอบใจ ขอบใจนะ

แต่ท่านครับ เราแทรกขึ้น
ว่าไงทิว พ่อริญถาม
พรุ่งนี้ ผมขอพบริญ ก่อนเวลา รถไฟออกจากสถานีได้ไหมครับ ซักสองทุ่ม เราแข็งขืนพูดออกไปด้วยความร้อนใจก่อนที่ริญจะเอ่ยขอซะอีก
พ่อริญ เงียบสักครู่มองหน้าริญ พร้อมกับหัวเราะ เบาๆ
เอ้อ รักของวัยรุ่น มันรวดเร็วและรุนแรง
เอานะ ฉันเข้าใจ
เอาเป็นว่าฉันจะอนุญาตให้ริญไปพบเธอก่อนเวลารถออก พ่อริญรับคำขอ
เงียบเสียงพ่อริญ เราก็ยกมือไหว้ด้วยความขอบคุณ
และก็ลาครอบครัวเธอ กลับที่พัก




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น