หลายคนมีคำถาม และมีคำตอบให้กับตัวเองว่า
การแต่งงานคืออะไร
บางคนตอบว่า คือความสำเร็จสูงสุดของชีวิตคู่
บางคนตอบว่าคือสิ่งยืนยันชีวิตรัก
บางคนก็ตอบว่า คือจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตคู่
การแต่งงาน
ถ้าตามความหมายของชาวบ้านทั่วไป
ก็จะหมายถึง การที่ชายหนุ่มหญิงสาว ตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน
และมีพิธีกรรม คือพิธีแต่งงาน จัดขึ้นให้ผู้คนได้รับรู้
นั่นคือการแต่งงานตามความหมายชาวบ้าน
แต่ความหมายตามกฎหมาย การแต่งงานหมายถึง
การที่ชายหญิงที่มีคุณสมบัติครบตามกฎหมาย
ยินยอมพร้อมใจ จดทะเบียนสมรส
ถูกต้องตามกฎหมาย และอยู่กินกันฉันสามีภรรยา
นี่คือความหมายตามกฎหมาย
คือกฎหมายไม่ได้ เรียกการจัดการแต่งงานว่า เป็นการแต่งงาน
แต่มองการนั้นเป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้น การแต่งงานที่แท้จริงตามกฎหมายคือ
การสร้างภาระผูกพัน ทางชีวิต และรับผิดชอบการกระทำนั้นร่วมกัน
ไม่ว่าแง่ดีหรือไม่ดีที่จะเกิดขึ้นตามมา
และการแต่งงานนี้จะสิ้นสุดลงทันที เมื่อ ทั้งสองฝ่าย
จดทะเบียนหย่าร้างกัน
แต่ไม่ว่าความหมายของการแต่งงานจะเป็นเช่นไร
การแต่งงานนั้นก็มักจะถูกแบ่งออกได้สองลักษณะ
คือแบบนามธรรม หมายถึงความรู้สึก ความเชื่อ ความผูกพัน ความรัก
ซึ่งเป็นแรงผลักสำคัญ ที่ทำให้คนสองคนมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
และแบบรูปธรรม
หมายถึง พิธีกรรม การประพฤติปฏิบัติ ต่อกัน
การแสดงออก ทางร่างกาย หรือเรียกว่าภาษากายเป็นต้น
บางคนมองว่า การแต่งงาน
คือการมอบการถวายชีวิต ให้กันและกัน
บางคนก็บอก การแต่งงานคือเธอจะทำอย่างไรกับฉันก็ได้
เพราะฉันเป็นของเธอแล้ว
บางคนก็บอกการแต่งงานหมายถึงการอนุญาตให้ฝ่ายชาย
ล่วงเกินฝ่ายหญิงได้โดยไม่มีขอบเขตจำกัด
การแต่งงานในทัศนะผม
คือการที่ชายหญิง
ที่ต่างที่มา ต่างการศึกษา
ต่างการอบรมเลี้ยงดู
ต่างฐานะ ต่างหน้าที่ การงาน
มีความรู้สึกดีดีให้กัน
และเชื่อใจกัน
ตกลงใช้ชีวิตคู่ อยู่ร่วมกัน สร้างฐานะครอบครัวร่วมกัน
มันไม่ได้หมายถึงการอนุญาตให้อีกฝ่ายละเมิดอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน
มันไม่ได้หมายถึง การยอมมอบการถวายชีวิตให้อีกฝ่ายอย่างแน่นอน
แม้จะมีการแต่งงานแล้ว แม้จะมีการใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว
ก็ไม่ได้หมายความว่า ความเป็นส่วนตัว
หรือพื้นที่ส่วนตัว หรือสิทธิส่วนบุคคลของแต่ละฝ่ายจะหมด
หรือหายไปตามการแต่งงาน
ทุกฝ่ายยังคงมีสิทธินั้นสมบูรณ์ตามกฎหมาย
แต่สิทธินั้นจะมีความยืดหยุ่นเป็นพิเศษ มากกว่ากรณีอื่นทั่วไป
การแต่งงานไม่ได้หมายถึง ใครเป็นของใคร
การแต่งงานไม่ได้หมายถึงใครต้องยอมใคร
แต่มันหมายถึงการที่ทั้งสองฝ่าย
ต้องปรับตัวเข้าหากันให้ได้มากที่สุดเท่านั้นเอง
บางคนก็บอกว่า การแต่งงาน ก็คือ การได้มีภาระเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง
คือได้คนมาช่วยกินเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวสามีหรือภรรยาเอง
หรืออาจพ่วงรวมไปถึงญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายอีกด้วย
ถ้านับตามนัยนี้ การแต่งงานยังหมายถึง การที่มีคนมาแย่งอากาศหายใจอีกด้วย
ยังหมายถึงมาสร้างอากาศให้เป็นพิษเพิ่มอีกด้วย
มาผายลมใส่ มาเพิ่มความเห็น
มาเป็นตัวขัดขวาง ขัดขา หรือสนับสนุนก็ได้
มาทำให้เราต้องซักเสื้อผ้า รีดเสื้อผ้า ทำอาหารเพิ่มขึ้น
ดังนั้นการแต่งงาน
มันจึงไม่ใช่ฉากรักในละครน้ำเน่า
ที่ฝ่าฟันกันมาแล้วมาหวานชื่นตอนจบในพิธีแต่งงาน
แต่แท้จริงการแต่งงานมันเป็นเพียง
การรับเอาปัญหาของคนอื่นมาเพิ่ม
การแต่งงานมันเป็นเพียงการ
เริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
สร้างครอบครัวใหม่ด้วยกัน
จะสำเร็จหรือล้มเหลว
มันก็ขึ้นอยู่กับคนสองคนเป็นหลัก
และก็พร้อมที่จะคืนชีวิตให้แก่กัน
เมื่อเห็นว่ามันฝืนและไปต่อไม่ได้
และก็พร้อมที่จะคืนชีวิตให้แก่กัน
เมื่อเห็นว่ามันฝืนและไปต่อไม่ได้
การแต่งงานมันจึงไม่ใช่
ความสำเร็จในชีวิต แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นการดำเนินชีวิต
และสูญสิ้นซึ่งอิสระภาพส่วนตัวบางอย่างไปด้วย
โซ่รักขาดแล้ว
คำร้อง- ทำนอง กังวาล ทองเนตร
ขับร้อง โดย กังวาล ทองเนตร
ลิขสิทธิ์และเจ้าของ โดย กังวาล ทองเนตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น