ท่านทั้งหลาย ในชีวิตของผม ได้มีโอกาสพบปะ รู้จักกับคนมามากหน้าหลายตา
ได้เห็นผู้คนมากมายหลากหลายอาชีพ มีความเป็นอยู่แตกต่างกันไปตามฐานะทางสังคม
- ครอบครัวพ่อค้าที่มีกิจการไม่ใหญ่นัก
วันหนึ่ง ขณะที่พ่อกำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดของเพื่อจะไปส่งลูกค้า
ลูกชายก็กลับจากเลิกเรียน
สวัสดีครับป๊าลูกชายสวัสดีผู้เป็นพ่อ
แล้วก็พูดต่อว่า วันนี้ผมเห็นรองเท้ายี่ห้อดัง ออกรุ่นใหม่ สวยมาก
ผมอยากได้ ป๊าซื้อให้หน่อยนะ
อะไรอาตี๋ อั๊วเพิ่งจะซื้อให้ลืีอไม่ใช่หรือ มันยังไม่ขาดก็ใส่ไปก่อนซี้ (พ่อบอก )
ก็ใช่ครับป๊า แต่เพื่อนที่โรงเรียน เขามีรุ่นใหม่ใส่กันทั้งนั้น ผมไม่มีอยู่คนเดียว อายเขา
ป๊าต้องซื้อให้นะ 3 พันเอง ( ลูกบอก )
เออน่า วันนี้อั๊วยุ่งๆอยู่เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกัน เดี๋ยวอั๊วซื้อให้
แต่ลื๊อต้องมาช่วยอั๊วจัดของไปส่งลูกค้าก่อน
( พ่อบอกพร้อมให้รอพรุ่งนี้ )
- ครอบครัวข้าราชการระดับล่าง
ลูกชายก็พูดขึ้นว่า
พ่อครับ
รองเท้านักเรียนของผมที่พ่อซื้อให้มันขาดจนนิ้วผมโผล่ออกมาให้เห็นแล้วนะครับพ่อ
ผมโดนเพื่อนที่โรงเรียนล้อทุกวัน ผมอายเพื่อนนะครับพ่อ
พ่อช่วยซื้อให้ผมใหม่ด้วยนะครับ (ลูกชายร้องขอ )
ลูกเอ๊ย
พ่อเห็น พ่อเห็นตั้งแต่นิ้วก้อยของลูกมันโผล่ออกมาทีละข้าง แล้วก็นิวนาง นิ้วกลาง นิ้วชี้ โผล่ออกมาพ่อก็เห็นมาตลอด
ลูกรู้ไหมว่านิ้วลุกที่โผล่ออกมา มันเหมือนมีดกรีดแทงหัวใจพ่อ
นิ้วลุกโผล่ออกมานิ้วนึง พ่อก็เจ็บแป๊บที่หัวใจครั้งนึง
สิบนิ้วของลูกที่โผล่ออกมา ทำให้น้ำตาพ่อต้องไหลออกมาถึงสิบครั้ง
พ่อเห็นใจ และเข้าใจลูก แต่พ่อเป็นข้าราชการตอนนี้ยังกลางเดือนอยู่เลย
พ่อตั้งใจว่า สิ้นเดือนนี้เงินเดือนพ่อออก พ่อจะซื้อให้นะลูกนะ
( ครอบครัวข้าราชการชั้นผู้น้อยนัดลูกสิ้นเดือน )
รองเท้าลูกข้าราชการชั้นผู้น้อย
ครอบครัวชาวนา
ขณะที่พ่อกับแม่กำลังง่วนอยู่กับงานนา
ลูกชายที่เพิ่งเลิกเรียนก็วิ่งเข้าไปหาพ่อพร้อมพูดกับพ่อว่า
พ่อครับ
วันนี้ระหว่างทางเดินไปโรงเรียนผมเหยียบหนามจนเท้าผมเลือดไหล
ผมเจ็บมาก นี่ถ้าผมมีรองเท้าใส่ก็คงจะดีนะพ่อ
เพื่อนๆผมที่โรงเรียนเขามีรองเท้าใส่กันทุกคน
ผมอายเพื่อนที่โดนเพื่อนล้อทุกวัน
ผมอยากมีรองเท้าใส่กับเขาบ้าง
พ่อช่วยซื้อรองเท้าให้ผมสักคู่ได้ไหมครับ
ผมอยากมีรองเท้าใส่ไปโรงเรียนนะครับพ่อ ( ลุกชายชาวนาร้องขอจากพ่อ )
ลูกรัก
ใจของพ่อมันเจ็บปวดยิ่งนักเมื่อได้ยินลูกพูดว่าฝ่าเท้าน้อยๆของลูกโดนหนามทิ่มแทง
ทุกครั้งที่พ่อเห็นลูกของพ่อไปโรงเรียนพ่อมองดูด้วยความขมขื่นเจ็บปวดหัวใจ
วันไหนที่แดดจ้าๆดินที่เป็นทรายก็ร้อนระอุ
เท้าน้อยๆของเจ้าก็คงเหยียบย่ำลงไปที่ทรายร้อนๆนั้น
วันไหนฝนตกเท้าน้อยของเจ้าก็คงย่ำอยู่กับขี้โคลน
ย่ำหัวขี้แป้ จนเฉอะแฉะ และพ่อก็กลัวลูกของพ่อไม่สบาย
กลัวติดเชื้อโรค ทั้งฉี่หนู โรคพยาธิ ชอนไชเข้าไปในตัวลูก
เอางี้นะลูกนะ
ลูกมองดูข้าวในนาเรา
ลูกเห็นไหม ปีนี้ข้าวในนาเรามันเขียวขจี งอกงามดีเหลือเกิน
พ่อคิดว่าขายข้าวได้ ปีนี้พ่อจะซื้อรองเท้าคู่ใหม่
ให้ลูกของพ่อได้ใส่อย่างแน่นอน
รอปีใหม่นะลูกนะ
(ครอบครัวชาวนานัดลูกปีใหม่ )
ลูกชาวนา
เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จสรรพ
ผู้เป็นพ่อบอกลูกก่อนไปโรงเรียนว่า
ลูกรักวันนี้พ่อจะนำข้าวของเราไปขายที่โรงสีในเมือง
เดี๋ยวลูกเลิกเรียนกลับมาวันนี้ลูกของพ่อจะได้เห็นรองเท้าคู่ใหม่ของลูกนะลูกนะ
ผู้เป็นพ่อบอกลูกด้วยความมั่นใจ
ส่วนผู้เป็นลูกก็แสนดีใจจะได้ใส่รองเท้ากับเขาเสียที
ไปถึงโรงเรียนลูกชาวชาวนาก็พร่ำว่าวันนี้พ่อจะซื้อรองเท้ามาให้
พรุ่งนี้ให้เพื่อนคอยดู เขาจะใส่รองเท้าใหม่มาอวดเพื่อนมาให้เพื่อนได้ดูกัน และเขาจะไม่เดินเท้าเปล่ามาโรงเรียนอีกแล้ว
พอได้เวลาเลิกเรียนลูกชายชาวนาก็รีบวิ่งกลับบ้านด้วยความหวังว่า
จะได้เห็นรองเท้าคู่ใหม่ที่พ่อของเขาซื้อมาให้
พอมาถึงบ้านเขาก็ร้องถามพ่อว่า
พ่อครับพ่อ
รองเท้าใหม่ผมอยู่ที่ไหนครับ
ผมอยากลองใส่ดูว่ามันจะเป็นอย่างไร
ผู้เป็นพ่อเดินเข้ามสวมกอดลูกพร้อมกับบอกลูกชายของเขาว่า
ลูกรักพ่อต้องขอโทษลูกด้วยนะที่พ่อไม่ได้ซื้อรองเท้ามาให้ลูก
หลังจากที่พ่อนำข้าวไปขายนายทุนเขาหักกลบลบหนี้เก่าที่พ่อยืมเขามา
หนี้เก่าก็หมดพอดี แต่เงินพ่อที่ขายข้าวเขาให้มาแค่ 80 บาท
มันไม่พอซื้อรองเท้าให้ลูกของพ่อได้
พ่อเลยซื้อปลาทูมาเข่งนึง กับเงาะมาโลนึง
ไปกินข้าว กินเงาะก่อนนะลูกนะ
ปีนี้เราไม่มีหนี้แล้ว
ปีหน้าถ้าฟ้าฝนเป็นใจ
พ่อมั่นใจว่าลูกต้องได้รองเท้าคู่ใหม่มาใส่อย่างแน่นอน
รอปีหน้านะลูกนะ
( ครอบครัวชาวนานัดลูกชายปีหน้า )
- ท่านทั้งหลายนี่คือความจริง นี่คือความเหมือนที่แตกต่างกันในรายละเอียดเล็กน้อย
ในขณะที่ลูกข้าราชการชั้นผู้น้อยใช้เวลารอรองเท้าถึง หนึ่งเดือน
ส่วนลูกชาวนาต้องใช้เวลารอไปอีกหนึ่งปีด้วยความหวังที่ฝากไว้กับดินฟ้าอากาศ
นี่จึงเป็นหน้าที่ของชนชั้นปกครองที่จะดูแล
ลดช่องว่างทางสังคมลง
เติมเต็มโอกาสทุกช่องทางให้กับสังคม
เพื่อที่จะให้สมาชิกของสังคมได้แสวงหา
หยิบฉวยเอาไปใช้ประโยชน์แก่ตนเองและครอบครัวให้ได้
เพลงชีวิตชาวนา คำร้องทำนองและขับร้องโดย กังวาล ทองเนตร
ขอบคุณอาจารย์ สุเทพ อัตถากร อดีตรัฐมนตรีทบวงมหาวิทยาลัย ที่อบรมสั่งสอน
กังวาล ทองเนตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น